“เพชรสังฆาต” ช่วยแก้โรคกระดูกบาง

“เพชรสังฆาต” ช่วยแก้โรคกระดูกบาง

มุมสุขภาพ : อภัยภูเบศรชี้สมุนไพร “เพชรสังฆาต” ช่วยแก้โรคกระดูกบางได้ พบมีสารกลุ่มออสซิโอพีเนียช่วยลดการผลัดเปลี่ยนกระดูก เตรียมวิจัยเพิ่มเติมหวังรองรับสังคมผู้สูงอายุไทย พร้อมแนะวิธีนำเพชรสังฆาตใช้ในครัวเรือนดูแลสุขภาพในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ

ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว เภสัชกรชำนาญการ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า อีกไม่กี่ปีประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว ซึ่งวัยนี้จะประสบปัญหาภาวะโรคเรื้อรังหลายโรค เช่น โรคกระดูกบาง พบว่า ร้อยละ 20 ของผู้ที่มีภาวะนี้จะกระดูกหักตามมาทำให้เกิดความบาดเจ็บ พิการได้ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ซึ่งการป้องกันรักษาภาวะกระดูกบางมีทั้งการลดการสลายของมวลกระดูก และเพิ่มการสร้างมวลกระดูก แต่จากการวิจัย “เพชรสังฆาต” หรือ “ตำลึงทอง” หรือ “ร้อยข้อ” หรือ “ต่อกระดูก” ซึ่งเป็นสมุนไพรไทย มีสรรพคุณบำรุงร่างกาย บำรุงกระดูก รักษากระดูกหัก ข้อเสื่อม ปวดข้อ ปวดเข่า โดยพบว่าในเพชรสังฆาต มีสารกลุ่มออสซิโอพีเนีย จะช่วยลดการผลัดเปลี่ยนกระดูก ออกฤทธิ์คล้ายกลุ่มสารที่เสริมฤทธิ์เอสโตเจน ซึ่งจากการวิจัยในอาสาสมัครที่เป็นกระดูกบาง แต่ยังไม่กระดูกพรุน โดยให้ทานต่อเนื่อง 3 เดือน พบว่า เพชรสังฆาต ช่วยลดการผลัดเปลี่ยนกระดูกได้

“ขณะนี้กำลังมีการวางแผนการวิจัยให้ครบวงจรและขยายกลุ่มตัวอย่างให้เพิ่มขึ้น คาดว่า จะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 ปี ในการทดลองทางคลินิก เพื่อให้ได้ผลที่ชัดเจน ทั้งนี้ ปัจจุบัน อย. ให้ขึ้นทะเบียนเพชรสังฆาต เป็นยารักษาริดสีดวงทวาร แต่พบว่าภูมิปัญญาของหมอแผนไทยพื้นบ้านจะนำเถา มาตำกับแป้ง พอกเพื่อต่อกระดูก โดยมีการทบทวนงานวิจัยของประเทศเพื่อนบ้านที่มีการใช้พืชกลุ่มนี้ 7 – 8 ปี เช่น ประเทศอินเดีย พม่า ก็พบว่ามีการใช้แบบเดียวกัน ทำให้พบว่า เพชรสังฆาต ช่วยลดการสลายของกระดูก ช่วยเปลี่ยนไขมันเป็นกล้ามเนื้อในผู้ที่ออกกำลังกาย ช่วยเพิ่มการเผาผลาญลดภาวะน้ำหนักเกิน และยังพบว่าช่วยลดภาวะการอักเสบ ลดการปวดข้อ ซึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา มีการนำสารดังกล่าวมาสกัดเป็นแคปซูล แต่จะมีราคาแพง 150 แคปซูล ราคาถึง 3,000 บาท” ภญ.ผกากรอง กล่าว

ภญ.ผกากรอง กล่าวว่า สังคมไทยที่จะก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ จำเป็นต้องศึกษาวิจัยผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ในการป้องกันรักษา หรือ เผยแพร่งานวิจัยเพื่อให้ประชาชนสามารถปลูกพืชเพื่อใช้เองได้อย่างถูกต้อง ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผลิตภัณฑ์สารสกัดเพียงอย่างเดียว เช่น เพชรสังฆาต สามารถปลูกเองในบ้านเพื่อรับประทานได้ โดยในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 12 วันที่ 2 – 6 ก.ย. นี้ ที่เมืองทองธานี จะมีการสอนวิธีนำเพชรสังฆาตมาใช้ในครัวเรือนด้วยการทำยาเกร็ดผสมน้ำมะนาวรับประทานได้ โดยการทำรับประทานเองในครัวเรือนอาจต้องเพิ่มปริมาณ เพราะมีสารไม่เท่าผลิตภัณฑ์แปรรูปที่สกัดแล้ว แต่ก็ถือเป็นทางเลือกที่ประชาชนสามารถดูแลสุขภาพตัวเองได้ ถือเป็นการตอบโจทย์การนำภูมิปัญญาไปใช้ร่วมกัน

ภญ.ผกากรอง กล่าวว่า สำหรับเพชรสังฆาต อาจมีผลข้างเคียงได้หากปรุงไม่ดี เพราะในเถาจะมีแคลเซียมออกซาเลตที่ทำให้เกิดอาการคัน ถ้าผสมแล้วความเปรี้ยวไม่เพียงพอ หรือปรุงไม่ถูก ก็อาจจะทำให้เกิดอาการพะอืดพะอม และรับประทานยาก อาจต้องเปลี่ยนวิธีการปรุง หรือรับประทานหลังอาหาร หรือพร้อมอาหาร ในคนที่มีความไวมาก ส่วนการสกัดเป็นยา จะมีการควบคุมปริมาณกลุ่มสารให้คงที่ ทั้งนี้ ภาวะกระดูกพรุน มีความสัมพันธ์กับหลายปัจจัย ประชาชนสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตั้งแต่ก่อนเป็น เช่น ออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีแคลเซียม ซึ่งถือเป็นวิธีที่ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารได้ดีที่สุด

Credit by manager.co.th

แบ่งปันข่าวสาร Like & Share ให้ด้วยนะค่ะ