ท่องพม่า 2
นับแต่ปี 2510 เป็นต้นมา ผมเดินท่อม ๆ ออกไปเยี่ยมเยียนผู้เอาประกันของผมถึงถิ่นไกล มีอะไรก็ติดไม้ติดมือนำไปฝากแก่เด็ก ๆ และชาวบ้านที่ยากจน ผมเป็นคนหนึ่งที่ร่วมการก่อตั้ง แม่สอดมูลนิธิสามัคคีการกุศล และศาลเจ้าปุงเฒ่ากงแม่สอด เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของความสำเร็จอันยิ่งใหญ่มาโดยตลอด สมัยนั้นตัวจักรกลที่ทำงานให้มูลนิธิจริง ๆ จะมีผมกับเฮียเรืองฤทธิ์ ตัญตรัยรัตน์เท่านั้น เรื่องหนังสือ เรื่องเอกสาร เรื่องการทำงานทุกอย่างจวบจนกระทั่งยุคที่ผมเป็นเลขานุการตัวจริง ทำให้แม่สอดมูลนิธิได้รับรางวัลดีเด่นอันดับหนึ่งของประเทศ ทำให้คนทั่วประเทศรู้จักแม่สอดมูลนิธิ ในยุคของโรตารี่ผมคนหนึ่งที่เป็นผู้ร่วมการก่อตั้งที่มีท่านพยูณ มีทองคำ อดีตพ่อเมืองสิงห์บุรีมานั่งปั่นงานที่ร้านของพี่สาว เป็นปีที่ผมกำลังโด่งดังในยุทธจักรของวงการหนังสือพิมพ์ และโรตารี่ แรงบันดาลใจที่เกิดขึ้นมาพร้อม ๆ กันที่ผมปรารถนามากที่สุดคือ การก่อตั้งมูลนิธิที่เป็นของตนเองและครอบครัว กับการก่อตั้งหน่วยบรรเทาภัยของแม่สอด งานอะไรที่ไหนเป็นต้องมี ชัย เมืองฉอด เพราะผมจะเป็นไอดอลของคนช่างฝันยุคนั้น (ฮิฮิ) ที่เกริ่นมาถึง ณ เพลานี้ก็เพราะกองทุนนิธิเตี่ยเซียว, แม่อ่อน ศรีจันทรา ของคนยากไร้ได้แตกเนื้อสาวมาถึง 25 ปีแล้ว ผมก่อตั้งเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2530 จัดงานท่ามกลางแขกเหรื่อมากมาย ณ โรงแรมเซ็นทรัลแม่สอดฮิลล์ ช่วยเหลือคนยากไร้ ผู้พิการ (ผมและครอบครัวเป็นคนก่อตั้งชมรมคนพิการอำเภอ แม่สอด ที่คุณลุงมนัส ขุนสนิท เป็นประธาน ซึ่งคนแม่สอดกำลังงุนงง สงสัยชมรมคนพิการเดี๋ยวนี้ทำไมมันเยอะจังเลยวุ้ย..) กับผู้สูงอายุ และเด็กนักเรียนที่เรียนดีแต่ยากจนมาหลายปี เกือบจะวางมือเพราะมันนี่ที่กองอยู่หน้าตักเริ่มร่อยหรอไปไม่ใช่น้อย..สำหรับกิจกรรมหนึ่งที่ผมริเริ่มก่อตั้งคู่ขนานกันมาคือ ชมรมผู้สูงอายุอำเภอแม่สอด ซึ่งทุกวันนี้ทุกชุมชน ก็มีชมรมของตนเองแล้วตามที่ผมวาดฝันไว้จริง ๆ ทุก ๆ ปี ผมจะมีความรักผูกพันกับลุงป้าน้าอาชาวแม่สอดแต๊ๆ มาตั้งแต่ปี 2536 ผมจะคอยเป็นขวัญกำลังใจแก่ทุกท่านทุกคน แม้ว่าชมรมใหญ่ที่วัดมณีฯ จะเหลือสมาชิกน้อยเต็มที แต่ผมจะนำสิ่งของพร้อมอาหารหวานคาวและกาแฟ ไปเลี้ยงผู้สูงอายุเสมอมามิได้ขาด แม้กระทั่งที่ชมรมขอมา เพราะไม่มีเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันให้ สำหรับในวันพุธที่ 15 สิงหาคม ศก.นี้ผมจะไปเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันที่ครบเครื่องแก่ผู้สูงอายุที่ไปร่วมประชุมประจำเดือน ณ วัดมณีไพรสณฑ์ จึงถือว่าครั้งนี้เป็นกิจกรรมครั้งที่ 60 ของกองทุนนิธิฯของผม ที่ผูกพันกับผู้สูงอายุอำเภอแม่สอดอย่างแท้จริง
เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เฉลิมพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา ในวันที่ 12 สิงหาคม 2555 นี้ ผมมีกิจกรรมหลากหลายที่จะถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่าน ซึ่งผมและครอบครัวถือว่าเป็นกิจกรรมหนึ่ง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แม้จะเป็นแค่กิจกรรมเล็ก ๆ เพียงธุลีดินกิจกรรมเดียว ซึ่งผมระลึกเสมอว่า คนไทยเรานั้นมีพระมหากษัตริย์ ที่ทรงมุ่งมั่นปฏิบัติพระราชการกรณียกิจ เพื่อประชาชนคนไทย มีองค์พระราชินีคู่เคียงพระวรกายมาโดยตลอดระยะเวลากว่า 60 ปีอย่างไม่ย่อท้อต่อความเหน็ดเหนื่อย และไม่เคยท้อถอยแม้สักเวลาหนึ่ง ล่าสุดเราต่างได้เห็นแล้วว่า ทันทีที่พระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงขึ้น ก็จะเสด็จพระราชดำเนินออกไป ติดตามงานที่ทรงมีพระราชดำริไว้ทันที แม้จะยังทรงต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ตลอดเวลา แม้ว่าจะทรงมีพระชนมพรรษาเกือบ 85 พรรษาแล้วก็ตาม คนไทยเราโชคดีมีสิ่งที่ดี และประเสริฐกว่าชาติใด ๆ ในโลก เหตุใดเราต้องมาเสียเวล่ำเวลากับไอ้ 4 คำที่ไม่เป็นมงคลชีวิตว่า กรู ไม่ ยอม มึง ด้วยเล่า สู้ลดทิฏฐิหันมาช่วยกันประกอบคุณงามความดีและลดไอ้คำ 4 คำนั้นลงเหลือเพียง 3 คำว่า ผมยอมคุณ หรือแค่ว่าผมรักคุณแค่นี้ คนต่างชาติที่ออกเสียงประกาศว่า ตายแลนด์ ๆ อาจจะพูดชัดขึ้นว่า ไทยแลนด์ เข้าสักวันนะครับ
ท่านที่เคารพครับ…สองภาพนี้ เป็นสถานที่เดียวกันแต่ห่างกันถึง 14 ปี ผมกับหมอแต๋วถ่ายภาพเป็นที่ระลึกและด้วยความเคารพศรัทธาต่อพระธาตุมุเตา หรือเจดีย์ชเวมอดอร์ หนึ่งในห้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของพม่า พระธาตุชเวมอดอร์ ที่คนไทยเราเรียกตามชาวมอญว่าพระธาตุมุเตานี้ อยู่ห่างจากพระราชวังของพระเจ้าบุเรงนอง กรุงหงสาวดีไม่มากนัก ภายในพระธาตุได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าไว้ พระธาตุชเวมอดอร์นี้เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในหงสาวดี เป็นสัญลักษณ์ยืนยันความเจริญรุ่งเรืองในอดีตกาล ครั้งใดที่พระเจ้าบุเรงนองจะออกศึก จะทรงสักการะขอพรจากพระธาตุนี้ทุกครั้งไป และครั้งที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้เสด็จมายังหงสาวดีนี้ ได้ทำการสักการะพระธาตุนี้ด้วย จุดที่ผมถ่ายภาพไว้เป็นจุดอธิษฐานขอพร ซึ่งเป็นจุดที่ปลียอดฉัตรของเจดีย์มุเตา หักตกลงมาเมื่อตอนที่เกิดแผ่นดินไหวในพม่า ที่ชาวพม่านับถือมากก็คือ ปลีพระธาตุไม่แตกสลายกระจายออกไปอย่างน่าอัศจรรย์
สิ่งที่ผมไม่สบายใจเลยที่ได้สัมผัสพม่าในทริปนี้ ก็คือ เด็กขายของที่ระลึก ซึ่งมีอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่งที่เราไปเยือน อย่าได้ไปยุ่งกับเขาเหล่านั้นถ้าท่านไม่ยากลำบาก เพราะความใจบุญกับขี้สงสารก็เลยเจอดีมาแล้ว พอให้คนหนึ่งพ่อเล่นวิ่งไปบอกเพื่อน ๆ ต่างพากันกรูมายังผมทันที ขนาดเข้าห้องน้ำมันก็ไม่เว้นเล่นเฝ้าหน้าห้องน้ำเพียงแค่จะขายของหรือเอาเงินจากเราให้ได้ สองคือ ลานอธิษฐาน ที่มหาเจดีย์ ชเวดากอง จุดที่บุเรงนองมาขอพรก่อนออกรบ จะคราคล่ำไปด้วยผู้คนมากมายทั้งพระสงฆ์องค์เจ้าและชาวบ้าน ที่มองไม่งดงามก็คือ มารยาทของการสัญจรไปมา ในขณะที่เรากำลังนั่งสวดมนต์หรือนั่งสมาธิ จะถูกชาวพม่าหลากหลายชนเผ่า เดินสวนไปมาแบบชนิดผ้าถุงครูดกับตัวเรา หรือแม้กระทั่งพระสงฆ์องค์เจ้า บางครั้งเมื่อเห็นว่ามีกลุ่มคนเดินตรงมายังเรา ผมจะทำสัญญาณมือให้หลบไป จนผมไม่มีสมาธิต้องคอยดูแลหมอแต๋วกับเพื่อน ๆ ที่นั่งสมาธิอยู่ นี่เป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในพม่าที่เกิดขึ้นแบบอย่างน่าเสียดายสถานที่ เพราะสถานที่นั้นเป็นที่เคารพอย่างสูงสุดของชาวพุทธทั้งปวง แต่สำหรับความยิ่งใหญ่และความสนุกสนาน และความเพลิดเพลินในการเที่ยวยังมีอีกมากมาย ที่ผมต้องยกไปเล่าต่อในฉบับหน้าครับผม
ชัย เมืองฉอด