ท่องพม่า 2

ภาพเยือนพม่าเมื่อ 14 ปีก่อน

ภาพเยือนพม่าเมื่อ 14 ปีก่อน

นับแต่ปี 2510  เป็นต้นมา  ผมเดินท่อม ๆ  ออกไปเยี่ยมเยียนผู้เอาประกันของผมถึงถิ่นไกล  มีอะไรก็ติดไม้ติดมือนำไปฝากแก่เด็ก ๆ  และชาวบ้านที่ยากจน  ผมเป็นคนหนึ่งที่ร่วมการก่อตั้ง  แม่สอดมูลนิธิสามัคคีการกุศล  และศาลเจ้าปุงเฒ่ากงแม่สอด  เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของความสำเร็จอันยิ่งใหญ่มาโดยตลอด  สมัยนั้นตัวจักรกลที่ทำงานให้มูลนิธิจริง ๆ  จะมีผมกับเฮียเรืองฤทธิ์  ตัญตรัยรัตน์เท่านั้น  เรื่องหนังสือ  เรื่องเอกสาร  เรื่องการทำงานทุกอย่างจวบจนกระทั่งยุคที่ผมเป็นเลขานุการตัวจริง  ทำให้แม่สอดมูลนิธิได้รับรางวัลดีเด่นอันดับหนึ่งของประเทศ  ทำให้คนทั่วประเทศรู้จักแม่สอดมูลนิธิ  ในยุคของโรตารี่ผมคนหนึ่งที่เป็นผู้ร่วมการก่อตั้งที่มีท่านพยูณ  มีทองคำ  อดีตพ่อเมืองสิงห์บุรีมานั่งปั่นงานที่ร้านของพี่สาว  เป็นปีที่ผมกำลังโด่งดังในยุทธจักรของวงการหนังสือพิมพ์  และโรตารี่  แรงบันดาลใจที่เกิดขึ้นมาพร้อม ๆ  กันที่ผมปรารถนามากที่สุดคือ  การก่อตั้งมูลนิธิที่เป็นของตนเองและครอบครัว  กับการก่อตั้งหน่วยบรรเทาภัยของแม่สอด  งานอะไรที่ไหนเป็นต้องมี  ชัย  เมืองฉอด  เพราะผมจะเป็นไอดอลของคนช่างฝันยุคนั้น  (ฮิฮิ) ที่เกริ่นมาถึง  ณ  เพลานี้ก็เพราะกองทุนนิธิเตี่ยเซียว,  แม่อ่อน  ศรีจันทรา  ของคนยากไร้ได้แตกเนื้อสาวมาถึง  25  ปีแล้ว  ผมก่อตั้งเมื่อวันที่  30  มกราคม 2530  จัดงานท่ามกลางแขกเหรื่อมากมาย  ณ  โรงแรมเซ็นทรัลแม่สอดฮิลล์  ช่วยเหลือคนยากไร้  ผู้พิการ  (ผมและครอบครัวเป็นคนก่อตั้งชมรมคนพิการอำเภอ  แม่สอด  ที่คุณลุงมนัส  ขุนสนิท  เป็นประธาน  ซึ่งคนแม่สอดกำลังงุนงง  สงสัยชมรมคนพิการเดี๋ยวนี้ทำไมมันเยอะจังเลยวุ้ย..)  กับผู้สูงอายุ  และเด็กนักเรียนที่เรียนดีแต่ยากจนมาหลายปี  เกือบจะวางมือเพราะมันนี่ที่กองอยู่หน้าตักเริ่มร่อยหรอไปไม่ใช่น้อย..สำหรับกิจกรรมหนึ่งที่ผมริเริ่มก่อตั้งคู่ขนานกันมาคือ  ชมรมผู้สูงอายุอำเภอแม่สอด  ซึ่งทุกวันนี้ทุกชุมชน  ก็มีชมรมของตนเองแล้วตามที่ผมวาดฝันไว้จริง ๆ ทุก ๆ  ปี  ผมจะมีความรักผูกพันกับลุงป้าน้าอาชาวแม่สอดแต๊ๆ  มาตั้งแต่ปี  2536  ผมจะคอยเป็นขวัญกำลังใจแก่ทุกท่านทุกคน  แม้ว่าชมรมใหญ่ที่วัดมณีฯ  จะเหลือสมาชิกน้อยเต็มที  แต่ผมจะนำสิ่งของพร้อมอาหารหวานคาวและกาแฟ  ไปเลี้ยงผู้สูงอายุเสมอมามิได้ขาด  แม้กระทั่งที่ชมรมขอมา  เพราะไม่มีเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันให้  สำหรับในวันพุธที่  15  สิงหาคม  ศก.นี้ผมจะไปเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันที่ครบเครื่องแก่ผู้สูงอายุที่ไปร่วมประชุมประจำเดือน  ณ  วัดมณีไพรสณฑ์  จึงถือว่าครั้งนี้เป็นกิจกรรมครั้งที่  60  ของกองทุนนิธิฯของผม  ที่ผูกพันกับผู้สูงอายุอำเภอแม่สอดอย่างแท้จริง

เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ  พระบรมราชินีนาถ  เฉลิมพระชนมพรรษาครบ  80  พรรษา  ในวันที่  12  สิงหาคม  2555 นี้  ผมมีกิจกรรมหลากหลายที่จะถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่าน  ซึ่งผมและครอบครัวถือว่าเป็นกิจกรรมหนึ่ง  เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล  แม้จะเป็นแค่กิจกรรมเล็ก ๆ  เพียงธุลีดินกิจกรรมเดียว  ซึ่งผมระลึกเสมอว่า  คนไทยเรานั้นมีพระมหากษัตริย์  ที่ทรงมุ่งมั่นปฏิบัติพระราชการกรณียกิจ  เพื่อประชาชนคนไทย  มีองค์พระราชินีคู่เคียงพระวรกายมาโดยตลอดระยะเวลากว่า  60  ปีอย่างไม่ย่อท้อต่อความเหน็ดเหนื่อย  และไม่เคยท้อถอยแม้สักเวลาหนึ่ง  ล่าสุดเราต่างได้เห็นแล้วว่า  ทันทีที่พระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงขึ้น  ก็จะเสด็จพระราชดำเนินออกไป  ติดตามงานที่ทรงมีพระราชดำริไว้ทันที  แม้จะยังทรงต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ตลอดเวลา  แม้ว่าจะทรงมีพระชนมพรรษาเกือบ  85  พรรษาแล้วก็ตาม  คนไทยเราโชคดีมีสิ่งที่ดี  และประเสริฐกว่าชาติใด ๆ  ในโลก  เหตุใดเราต้องมาเสียเวล่ำเวลากับไอ้  4  คำที่ไม่เป็นมงคลชีวิตว่า  กรู  ไม่  ยอม  มึง  ด้วยเล่า  สู้ลดทิฏฐิหันมาช่วยกันประกอบคุณงามความดีและลดไอ้คำ  4 คำนั้นลงเหลือเพียง 3 คำว่า  ผมยอมคุณ  หรือแค่ว่าผมรักคุณแค่นี้  คนต่างชาติที่ออกเสียงประกาศว่า  ตายแลนด์   อาจจะพูดชัดขึ้นว่า  ไทยแลนด์  เข้าสักวันนะครับ

ท่านที่เคารพครับ…สองภาพนี้  เป็นสถานที่เดียวกันแต่ห่างกันถึง  14  ปี  ผมกับหมอแต๋วถ่ายภาพเป็นที่ระลึกและด้วยความเคารพศรัทธาต่อพระธาตุมุเตา  หรือเจดีย์ชเวมอดอร์  หนึ่งในห้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของพม่า  พระธาตุชเวมอดอร์  ที่คนไทยเราเรียกตามชาวมอญว่าพระธาตุมุเตานี้  อยู่ห่างจากพระราชวังของพระเจ้าบุเรงนอง  กรุงหงสาวดีไม่มากนัก  ภายในพระธาตุได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าไว้  พระธาตุชเวมอดอร์นี้เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในหงสาวดี  เป็นสัญลักษณ์ยืนยันความเจริญรุ่งเรืองในอดีตกาล  ครั้งใดที่พระเจ้าบุเรงนองจะออกศึก  จะทรงสักการะขอพรจากพระธาตุนี้ทุกครั้งไป  และครั้งที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช  ได้เสด็จมายังหงสาวดีนี้  ได้ทำการสักการะพระธาตุนี้ด้วย  จุดที่ผมถ่ายภาพไว้เป็นจุดอธิษฐานขอพร  ซึ่งเป็นจุดที่ปลียอดฉัตรของเจดีย์มุเตา  หักตกลงมาเมื่อตอนที่เกิดแผ่นดินไหวในพม่า  ที่ชาวพม่านับถือมากก็คือ  ปลีพระธาตุไม่แตกสลายกระจายออกไปอย่างน่าอัศจรรย์

สิ่งที่ผมไม่สบายใจเลยที่ได้สัมผัสพม่าในทริปนี้  ก็คือ  เด็กขายของที่ระลึก  ซึ่งมีอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่งที่เราไปเยือน  อย่าได้ไปยุ่งกับเขาเหล่านั้นถ้าท่านไม่ยากลำบาก  เพราะความใจบุญกับขี้สงสารก็เลยเจอดีมาแล้ว  พอให้คนหนึ่งพ่อเล่นวิ่งไปบอกเพื่อน ๆ  ต่างพากันกรูมายังผมทันที  ขนาดเข้าห้องน้ำมันก็ไม่เว้นเล่นเฝ้าหน้าห้องน้ำเพียงแค่จะขายของหรือเอาเงินจากเราให้ได้  สองคือ  ลานอธิษฐาน  ที่มหาเจดีย์  ชเวดากอง  จุดที่บุเรงนองมาขอพรก่อนออกรบ  จะคราคล่ำไปด้วยผู้คนมากมายทั้งพระสงฆ์องค์เจ้าและชาวบ้าน  ที่มองไม่งดงามก็คือ  มารยาทของการสัญจรไปมา  ในขณะที่เรากำลังนั่งสวดมนต์หรือนั่งสมาธิ  จะถูกชาวพม่าหลากหลายชนเผ่า  เดินสวนไปมาแบบชนิดผ้าถุงครูดกับตัวเรา  หรือแม้กระทั่งพระสงฆ์องค์เจ้า  บางครั้งเมื่อเห็นว่ามีกลุ่มคนเดินตรงมายังเรา  ผมจะทำสัญญาณมือให้หลบไป  จนผมไม่มีสมาธิต้องคอยดูแลหมอแต๋วกับเพื่อน ๆ ที่นั่งสมาธิอยู่  นี่เป็นเรื่องเล็ก ๆ  น้อย ๆ ในพม่าที่เกิดขึ้นแบบอย่างน่าเสียดายสถานที่  เพราะสถานที่นั้นเป็นที่เคารพอย่างสูงสุดของชาวพุทธทั้งปวง  แต่สำหรับความยิ่งใหญ่และความสนุกสนาน  และความเพลิดเพลินในการเที่ยวยังมีอีกมากมาย  ที่ผมต้องยกไปเล่าต่อในฉบับหน้าครับผม

 

ภาพปี 2555

ภาพปี 2555

 

ชัย  เมืองฉอด

แบ่งปันข่าวสาร Like & Share ให้ด้วยนะค่ะ