• Home »
  • ข่าวทั่วไป »
  • เจ้าหน้าที่ ปปง. สามารถนำเงินคืนเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้เป็นจำนวนมาก

เจ้าหน้าที่ ปปง. สามารถนำเงินคืนเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้เป็นจำนวนมาก

เจ้าหน้าที่ ปปง

เจ้าหน้าที่ ปปง

เจ้าหน้าที่ ปปง. สามารถนำเงินคืนเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้เป็นจำนวนเงินหลายร้อยล้านบาท  นับว่าเป็นผลงานที่น่าภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (15 ก.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) พ.ต.อ.ดร.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ และร.ต.อ.สุวนีย์ แสวงผล รองเลขาธิการ แถลงข่าวกรณีเรื่องการปราบปราบของปปง.ที่ผ่านมาคณะกรรมการธุรกรรมมีการประชุมกัน 9 ครั้งมีมติมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำผิดจำนวน 213 เรื่อง มีมติออกคำสั่งยึดอายัดทรัพย์สินไว้ชั่วคราวไม่เกิน 90 วัน จำนวน 61 คำสั่ง ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการพิจารณาเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินประกอบด้วยที่ดิน เงินสด ทองคำแท่ง สร้อยคอทองคำ และทรัพย์สินอื่นๆ ตกเป็นของแผ่นดิน ตามนัยมาตรา 49 จำนวน 34 เรื่อง มูลค่าทรัพย์สินประมาณ ร่วม 30 ล้านบาท และที่ดินจำนวน 10 แปลง 66 ไร่

พ.ต.อ.ดร.สีหนาท  กล่าวว่า คดีที่ได้ดำเนินการแล้วกรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ผู้เสียหายเป็นดร.ถูกหลอกเงินไปกว่า 29 ล้านบาทเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมานั้น หลังจากที่ผู้เสียหายเดินทางมาร้องเรียนที่ปปง.เพียงไม่กี่ชั่วโมงสามารถอายัดเงินในบัญชีได้กว่า 1 ล้านบาทเพราะการทำงานที่รวดเร็วได้สื่อมวลชนและสถาบันการเงินช่วยกัน ตอนนี้ได้นำส่งเช็คจำนวนเงิน แปดแสนห้าพันเจ็ดร้อยสิบสองบาทสามสิบสตางค์ สั่งจ่ายกองปราบปราบเพื่อนำส่งคืนให้ผู้เสียหาย ที่เหลืออีก 2 แสนบาทเศษเป็นของผู้เสียหายรายอื่นที่จะได้ส่งคืนต่อไป ส่วนกรณีที่สน.หลักสองได้จับกุมนายวิชัน งามแดง ในความผิดตามพรบ.อาวุธปืน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะจับกุมตัวได้พบเงินสด 5 ล้านบาทภายในรถยนต์และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปค้นบ้านพักพบเงินสดอีก 7 ล้านบาท พระเครื่องทรัพย์สินและเครื่องประดับอีกจำนวนหนึ่ง ผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นเงินจากการค้ายาเสพติดซึ่งมีนายพิชิต งามแดง น้องชายซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ภายในเรือนจำคลองเปรมเป็นคนคอยสั่งการ ทางปปง.ได้วิเคราะห์ขยายผลตรวจสอบพบว่ามียังมีเงินในบัญชี  บ้านพักที่เชียงรายและเชียงใหม่ ทั้งตรวจสอบเส้นทางการเงิน พ่อ แม่ เครือญาติ และผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป

ด้านคดียาเสพติดในเรือนจำนครศรีธรรมราช จากรายงานจะเห็นว่าเป็นเครือข่ายใหญ่โดยมีเครือข่ายกระจายอยู่หลายพื้นที่ หลายจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ซึ่งปปง.ได้นำเส้นทางการเงินของผู้ต้องหารายเดียวที่มีเงินถึง 33 ล้านบาท ตรวจสอบพบว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงิน 1,244 ครั้ง เมื่อขยายผลพบว่ามีตัวการใหญ่ 5 กลุ่มเป็นนักโทษในเรือนจำนครศรีธรรมราช มีการโอนจากรายใหญ่ไปรายย่อยมากครั้งทำให้เห็นว่ามูลค่าและปริมาณของยาเสพติดว่าเป็นจำนวนมาก ปปง.รู้ความเคลื่อนไหวและมีรายชื่อทั้งหมดแล้ว ซึ่งความเคลื่อนไหวทางการเงินเป็นพยานหลักฐานที่จะพิสูจน์การกระทำผิดของคนร้ายได้ชัดเจน ส่วนเจ้าหน้าที่ของรัฐจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่นั้นคาดว่าคงไม่มีใครใช้บัญชีของตัวเองแน่ แต่ปปง.ก็ตรวจสอบได้ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการโอนหรือรับโอนเงินจากยาเสพติดทุกบัญชี ทุกคน จะต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาฟอกเงิน เพียงเครือข่ายนี้ที่เดียวมีมูลค่าถึง 350 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบเครือข่ายในเรือนจำอีกหลายแห่งเช่นที่ระยอง คลองไผ่เขาบิน บางขวาง บางขวาง คลองเปรม หลายแห่งเป็นเรือนจำความมั่นคงสูงเบื่องต้นพบมูลค่ากว่าพันล้านบาทแล้ว.

 

Credit:  เดลินิวส์

แบ่งปันข่าวสาร Like & Share ให้ด้วยนะค่ะ