• Home »
  • ShowSlideAll »
  • สุดสลด ฆ่ายกครัวตำรวจ ที่แท้เป็นคนในครอบครัว
สุดสลด ฆ่ายกครัวตำรวจ ที่แท้เป็นคนในครอบครัว

สุดสลด ฆ่ายกครัวตำรวจ ที่แท้เป็นคนในครอบครัว

ฆ่ายกครัวตำรวจ 3 ศพ ล่าสุดออกหมายจับ กิตตินันท์ หอมชง น้อง รตท. ร่วมเพื่อน 5 คน หวังฮุบสมบัติ

         ฆ่ายกครัว ร.ต.ท.ธรรมณัฐ หอมชง ล่าสุด ผบช.น. ปฏิเสธข่าวลูกชายคนเล็กสารภาพฆ่าพ่อแม่พี่ชายหวังฮุบมรดกแล้ว แต่เจ้าตัวให้การเป็นประโยชน์ อันจะช่วยจับกุมคนร้าย

         เมื่อช่วงสายวันที่ 5 เมษายน 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีฆ่ายกครัว 3 ศพ คือ พ.อ.วิชัย หอมชง นายทหารเกษียณอายุราชการ วัย 63 ปี, นางวนิดา หอมชง ครูโรงเรียนราชวินิตประถม บางแค วัย 57 ปี และ ร.ต.ท.ธนัตถ์พง หรือ ธรรมณัฐ หอมชง พนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน วัย 24 ปี ในบ้านพักย่านบางแค ว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัว นายกิตตินันท์ หอมชง บุตรชายคนสุดท้อง วัย 22 ปี มาสอบสวนอย่างเคร่งเครียด หลังพบพิรุธบางอย่าง ล่าสุด นายกิตตินันท์ ทนแรงกดดันไม่ไหว ยอมรับสารภาพแล้วว่า ร่วมกับ นายกอล์ฟ เพื่อนชายคนสนิทวางแผนฆาตรกรรมสมาชิกในครอบครัวตัวเองจริง เพราะไม่พอใจที่พ่อแม่รักพี่ชายมากกว่า

         นอกจากนี้ นายกิตตินันท์ ยังยอมรับด้วยว่า สาเหตุที่ลงมือฆาตกรรมครอบครัวนั้น เพราะอยากได้มรดกมูลค่ามหาศาลทั้งที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์ จึงได้ให้ นายกอล์ฟ ไปจัดหามือปืน 2 คนมาลงมือให้ หลังจากลงมือเสร็จจึงได้หลบหนีไป

         แต่ทว่าในช่วงบ่าย พลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กลับออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว ว่า นายกิตตินันท์ ยังไม่ได้ให้การรับสารภาพดังข่าวที่ออกมา แต่ได้ให้การบางอย่างที่เป็นประโยชน์กับรูปคดี ซึ่งยังเปิดเผยรายละเอียดไม่ได้ เพราะจะทำให้คนร้ายไหวตัว และทีมสืบสวนจะประชุมเพื่อขยายผลการสืบสวนต่อไป

******************************

         อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2557 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หลักสอง ได้สอบปากคำนายกิตตินันท์ หอมชง ด้วยบรรยากาศที่เคร่งเครียดตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 3 เมษายน 2557 ก่อนที่จะอนุญาตให้ออกมาจากห้องสอบสวน พักรับประทานอาหารในช่วงเวลา 13.00 น. ของวันที่ 4 เมษายน 2557

         โดยในตอนนั้น นายกิตตินันท์ ได้ยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนฆ่าพ่อ แม่ และพี่ชายอย่างแน่นอน และจะขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ทั้งนี้ ตนเคยยิงปืนแค่ครั้งเดียวก็คือสมัยเรียน รด. ที่เหลือก็ไม่เคยยิงปืนสั้นเลย และเมื่อเย็นวันที่ 2 เมษายน 2557 ตนและพี่ชายและเพื่อนอีกหนึ่งคนก็ได้เดินทางไปกินบะหมี่ที่เดอะ มอลล์ บางแค ก่อนที่จะแยกย้ายกันในเวลา 23.00 น. โดยที่พี่ชายกลับบ้านในที่เกิดเหตุ ส่วนตนกับเพื่อนกลับไปที่บ้านในซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 ซึ่งเป็นที่พักกับเพื่อนที่ทำคณะสิงโต นอกจากนี้ ในเที่ยงคืนของวันที่ 3 เมษายน พี่ชายตนก็โทรศัพท์มาหาตนเช่นกัน เตือนว่าอย่าลืมดูฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ระหว่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง กับ เชลซี นะ

          พร้อมกันนี้ นายกิตตินันท์ เปิดเผยอีกว่า ในประเด็นที่เป็นมรดกของพ่อนั้น มีไม่ถึง 40 ไร่ มีประมาณ 24 ไร่เท่านั้น ซึ่งพี่น้องของพ่อมีทั้งหมด 6 คน ก็แบ่งสรรปันส่วนกันเรียบร้อยแล้ว โดยพ่อนั้นได้มา 3 ไร่ครึ่ง ติดอยู่ทางด้านหลังบ้าน ปัจจุบันก็เปิดให้บริษัทขนส่งสินค้าเช่าอยู่ทุกเดือน ทำให้ครอบครัวมีรายได้จากค่าเช่าส่วนนี้ อย่างไรก็ตาม ไม่กี่ปีที่ผ่านมา พ่อถูกญาติสนิทที่เป็นผู้หญิงรายหนึ่ง พักอยู่ใกล้ ๆ กันพร้อมกับสามีของญาติคนนั้น ก็ได้พาพ่อไปมอมเหล้า เพื่อให้เซ็นโอนที่ดินส่วนดังกล่าวให้ จนแม่ของตนต้องทำเรื่องฟ้องร้อง ก่อนจะยึดกลับคืนมาได้ ซึ่งเรื่องนี้น่าจะสร้างความโกรธแค้นให้ญาติพอสมควร ส่วนเรื่องอื่น ๆ ที่ตนสงสัย แม่อาจจะรับหวยใต้ดินส่งต่อให้เจ้ามือรายใหญ่รายหนึ่งก็เป็นได้

         ส่วนที่ว่าพี่ชายนั้น มีความขัดแย้งกับใครหรือไม่ นายกิตตินันท์ ระบุว่า ตนเชื่อว่า พี่ชายเป็นตำรวจ ถึงอย่างไรก็มีความขัดแย้งจากการทำงานอยู่แล้ว แต่ไม่น่าถึงกับต้องฆ่ากัน ก่อนหน้านี้ก็เคยถูกเล่าให้ฟังว่า ทำคดีเพื่อนลูกนายทหารใหญ่ แล้วถูกเบ่งใส่ แต่ก็ไม่มีอะไร ส่วนเรื่องที่เพื่อนที่ สน.ตลิ่งชัน ให้ข้อมูลว่า พี่ชายตนนั้นขอลางานเพราะวันนั้นกำลังเคลียร์เรื่องที่ดินกับญาตินั้น ความจริงคือ ตอนนั้นตนกับพี่ชายอยู่ที่ห้างเดอะ มอลล์ บางแค และพี่ชายที่ขอลางานนั้น เพราะต้องการพักผ่อนต่างหาก เนื่องจากหน้าที่ในการทำงานนอกจากทำหน้าที่พนักงานสอบสวนแล้ว ยังมีหน้าที่แกะเทปที่ฝ่ายสืบสวนแฝงตัวไปในที่ชุมนุมอีกด้วย

         ขณะเดียวกัน นายกิตตินันท์ ก็เปิดเผยเรื่องที่ถูกพนักงานสอบสวน สอบสวนด้วยว่า ถามไปถามมาในเรื่องเดิม ๆ ตำรวจบางคนก็พูดจาไม่ดีกับตน แต่ตนก็ตอบได้คำเดียวว่าไม่รู้เรื่อง ส่วนอาวุธปืนของพี่ชายที่ข่าวออกมาว่าหาย จริง ๆ ก็ไม่ได้หายไปที่ใด เพราะอยู่ในกระเป๋าสะพายวางอยู่บนโต๊ะในห้องโถง โดยที่ปืนไม่มีการยิงสักนัดเดียว นอกจากนี้ ตนยังถูกตรวจเขม่าดินปืน แต่ก็ไม่พบเพราะตนไม่ได้ทำ

         สุดท้าย นายกิตตินันท์ กล่าวว่า ส่วนในผู้ก่อเหตุหรือสมรู้ร่วมคิดนั้น อยากจะบอกว่า โกหกได้ไม่นาน ควาจริงจะปรากฏเอง เนื่องจากปกติสุนัขที่บ้านไม่เคยเห่าคนแปลกหน้า ประตูรั้วซึ่งห่างจากประตูเข้าบ้าน 20 เมตร ก็ไม่เคยล็อกเอาไว้ พ่อกับแม่นอนกี่โมง ก็มีแต่บรรดาคนใกล้ชิดเท่านั้นที่รู้ว่า จะเข้าออกบ้านตนง่าย ๆ ได้อย่างไร

         ขณะที่ พล.ต.ต.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยถึงผลชันสูตรศพของบุคคลทั้ง 3 ว่า ศพของ ร.ต.ท.ธรรมณัฐ ถูกยิงที่ 2 นัดเข้าที่ศีรษะ ระยะการยิงมากกว่า 50 เซนติเมตร ส่วนศพของ พ.อ.วิชัย ถูกยิง 2 นัดเข้าที่ใบหน้าและบ่า และเป็นการยิงระยะใกล้ ไม่ถึงขั้นจ่อยิง ส่วนศพของนางวนิดา ถูกยิง 1 นัดเข้าริมฝีปากซ้าย ระยะจ่อยิง กระสุนฝังใน เศษกระสุนแตกกระจาย

         นอกจากนี้ พล.ต.ต.พรชัย เปิดเผยอีกว่า ในจำนวนนี้มี 1 ศพที่มีร่องรอยการต่อสู้ เป็นบาดแผลฟกช้ำ และแผลถลอก แต่ไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นใคร เพราะอาจจะส่งผลต่อการสืบสวน นอกจากนี้ ร่องรอยบาดแผลไม่ใช่การยิงกันเองแล้วฆ่าตัวตายตามอย่างแน่นอน น่าจะเป็นการกระทำจากบุคคลอื่นมากกว่า อย่างไรก็ดี ยังต้องรอผลการตรวจสารเคมีในร่างกายว่ามีการวางยา หรือดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปก่อนเสียชีวิตหรือไม่

         ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันหลังจากแพทย์ชันสูตรศพ ไม่มีญาติมารับศพเพื่อนำไปบำเพ็ญกุศลแต่อย่างใด

************************

         จากกรณีคดีฆ่ายกครัว 3 ศพซึ่งทั้ง 3 คนเป็นพ่อ แม่ ลูก กัน คือ พ.อ.วิชัย หอมชง นายทหารเกษียณอายุราชการ วัย 63 ปี, นางวนิดา หอมชง ครูโรงเรียนราชวินิตประถม บางแค วัย 57 ปี และ ร.ต.ท.ธนัตถ์พง หรือ ธรรมณัฐ หอมชง พนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน วัย 24 ปี ในบ้านพักย่านบางแค เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2557 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนพบว่า นายกิตตินันท์ หอมชง ลูกชายคนเล็กวัย 22 ปี มีส่วนรู้เห็นนั้น

         ล่าสุด (6 เมษายน 2557) พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า ทางศาลธนบุรี ได้อนุมัติหมายจับ 5 ผู้ต้องหา ที่ก่อเหตุร่วมกันฆ่าทั้ง 3 คนแล้ว โดยมีลูกชายคนเล็ก คือ นายกิตตินันท์ หอมชง บุตรชายคนสุดท้อง วัย 22 ปี รวมอยู่ด้วย โดยให้การรับสารภาพว่าร่วมกับพวกอีก 4 คน รวมทั้งมือปืน 2 คน ซึ่งเบื้องต้น สามารถจับกุมได้ทั้งหมดแล้ว

โดยมูลเหตุจูงใจที่ กิตตินันท์ หอมชง ฆ่าพ่อแม่ พี่ชาย คือ การฆ่าหวังฮุบมรดกซึ่งเป็นที่ดินของบิดา มูลค่าหลายร้อยล้านบาท ซึ่งมือปืนทั้ง 2 คนนั้น ถือว่าเป็นมืออาชีพ ที่รู้จักกับลูกชายคนเล็กเพราะเคยมีประวัติฆ่าคนตายมาก่อนแล้ว ส่วนค่าจ้างนั้น ทางกลุ่มคนร้ายได้ตกลงกันว่า หากได้มรดกทั้งหมดแล้ว จะนำที่ดินไปขาย และนำเงินมาแบ่งกัน โดยยังไม่ได้ระบุจำนวนว่าเท่าไร

ซึ่งในวันนี้เวลา 10.00 น. ทาง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. จะทำการแถลงข่าวในคดีนี้อีกครั้ง ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล

 

ขอขอบคุณข้อมูล  Kapook

แบ่งปันข่าวสาร Like & Share ให้ด้วยนะค่ะ