ท่องเที่ยวประเทศพม่า
ท่องพม่า ๑
ชีวิตผมในวัยเด็ก ผมจะข้ามไปมาหาสู่เมียวดีของพม่าเป็นว่าเล่น เมื่อครั้งสามสี่สิบปีที่ผ่านมาในวัยหนุ่มฉกรรจ์ ครั้งยังเป็นนักข่าวจอมบู๊ก็ข้ามพม่า ไปมาในเขตยึดครองของกะเหรี่ยงอยู่นานหลายปี สมัยวัยซนก็เดินท่อม ๆ ไปกับคณะของคุณลุงส่างโท้ กาวินำ จากแม่สอดไปยังเมืองมะละแหม่งเมืองท่าของพม่า กว่าจะถึงก็หลายคืนหลายวัน ในขณะนั้นเมืองมะละแหม่งยังคึกคักอยู่แม้ว่าฝรั่งมังค่าจะไปจากพม่าแล้วก็ตามที ความเจริญรุ่งเรืองของพม่าในยุคนั้น ยังจำติดหูติดตาผมมาตลอดจนเมื่อยี่สิบปีที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปเยือนอีกที ก็เหมือนเมืองที่ถูกทอดทิ้ง ต้นฉบับนี้ด้วยความล่าช้าเพราะมัวไปเยือนพม่า อยู่หลายวัน ก็ถือโอกาสเอาเรื่องของพม่ามาเล่าสู่กันฟัง ผมไปเยือนพม่าเป็นเรื่องเป็นราวครั้งนี้ ก็เป็นครั้ง ที่ 3 แล้ว ครั้งแรกติดตามคณะของท่านเกษม วัฒนธรรม และสื่อมวลชนจังหวัดตาก ในฐานะแขกของพม่าและสถานทูตไทยประจำพม่า เป็นรุ่นสำรวจฯก่อนที่เราจะสร้างสะพานมิตรภาพไทย-พม่า ครั้งที่ 2 ผมกับหมอแต๋วติดตามไปกับคณะของท่านอุดร ตันติสุนทร นำพ่อค้าข้าราชการและสื่อมวลชน ท่องพม่าโดยรถยนต์จากแม่สอด-เมียวดีสู่เมืองย่างกุ้ง ทั้งสองคณะนี้ทำให้ผมได้ผจญภัยไปกับการเดินทางที่สุดมันจริง ๆ ตะรอน ๆ ไปยังเมืองมัณฑเลย์-เมืองพุกามที่ต้องรอนแรมผ่านป่าเขาลำเนาไพร เต็มไปด้วยโขดหินกับท้องทุ่งที่เต็มไปด้วยทะเลทราย นาน ๆ ครั้งเราจะเจอกับต้นไม้เพียงต้นสองต้น เราจะผลัดเปลี่ยนกันพักในร่มเงาของต้นไม้นั้น ข้าวเช้าของเราปาเข้าไปเกือบบ่ายโมง มื้อเที่ยงและมือเย็นรวมยอดกันที่ตีสองหรือประมาณ ตีสาม ผมอยู่กับรถนำขบวนที่ไม่เคยยอมนอนหลับสักครั้งในการเดินทาง พอเห็นแสงไฟริบหรี่ ๆ อยู่ไกล ๆ ผมบอกให้คนขับพุ่งไปยังแสงไฟนั้นปรากฏว่าเป็นเพิงร้านค้ามีแม่ค้าผิวดำกำลังปรุงอาหารอยู่ ท่านครับ… อุ๊บไก่ที่มันหยด เป็นอาหารมื้อเที่ยง และมื้อเย็นที่แสนอร่อย ผมเป็นคนแรกที่เปิบด้วยมือ ถ้าจำไม่ผิดผู้ใหญ่จันทร์เพ็ญ หรือรองนายกจันทร์เพ็ญ แห่งท่าสายลวดนี่แหละที่บอกผมว่า อุ๊บไก่มื้อนี้อร่อยม๊ากมาก..เหมือนกับคณะของท่านอุดร คณะของเราไปติดแหง็กที่ท่าเรือจ่องโด ผมเองก็บรรเลงเปิบอุ๊บกุ้งด้วยมืออย่างเอร็ดอร่อยก่อนเพื่อน อุ๊บกุ้งอุ๊บไก่แถวท่าเรือจ่องโดจึงขายดีเหมือนเทน้ำเทท่าจริง ๆ ( คณะนี้ 117 กว่าชีวิตที่ติดตามกองคาราวานท่านอุดร )
สำหรับทริปนี้โชคดีครับที่ผมและหมอแต๋วคู่ชีวิต ได้เดินทางไปกับคณะของสาธารณสุขจังหวัดตาก นำโดยท่าน สสจ.ตาก ท่านปัจจุบัน เหมหงษา นำคณะของเรารวม 44 ชีวิตทัศนศึกษาและทำบุญลูกเดียวกับเมืองย่างกุ้ง-พุกาม-มัณฑเลย์ เป็นคณะทัวร์ที่แสนสบายกับสายการบินจากกรุงเทพฯ-ย่างกุ้ง-พุกาม-มัณฑเลย์-และเฮโฮ เรานั่งเครื่องไปกลับอย่างแสนสบายที่สุด คณะของเราได้สักการะยังวัดวาอารามต่าง ๆ มากมาย พระธาตุเจดีย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เกือบจะครบครัน เป็นการท่องเที่ยวที่มีโอกาสร่วมทำบุญสร้างกุศลอย่างอิ่มเอมและสนุกสนาน ที่พักกับอาหารการกินผมถือว่าสุดยอดจริง ๆ ที่ต้องขอบคุณ ท่าน สสจ.ตาก คุณตฤณและน้องแบ้งค์ของทรีซีซั่นส์ ผู้บริหารของบริษัทเป็นผู้นำเที่ยวด้วยตนเอง กับไกด์หนุ่มที่เป็นสารานุกรมฉบับพม่ารามัณชื่อ หนุ่มบุญยืน นำเที่ยวแบบจุใจจริง ๆ เมืองพุกามเป็นคำรบสามแล้วที่ผมได้ไปเยือน มีเจดีย์ที่เก่าแก่น่าชวนสักการะนับพัน ๆ องค์ คราวนี้ได้ไปสักการะ พระอึดอัด ของวัดเก่ามนูหะพญา ที่สร้างขึ้นมาเพื่อแก้เคล็ดให้กับผู้มากราบไหว้บูชา ให้คลายจากเรื่องราวต่าง ๆ ที่อึดอัดใจ ผมได้เยือนเมืองหงสาวดี กราบสักการะพระธาตุเจดีย์ชเวมอดอร์ หรือพระธาตุมุเตา ( 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพม่า ) ที่ยอดฉัตรและปลีพระธาตุหักตกลงมาเมื่อครั้งพม่าเกิดแผ่นดินไหว ปลีพระธาตุกลับไม่แตกหักอย่างน่าอัศจรรย์ เราได้กราบสักการะพระมหาเจดีย์ชเวดากอง เราทุกคนได้สรงน้ำพระประจำวันเกิด และอธิษฐานจิตเพื่อเสริมบารมี เราอยู่ที่นี่จนพลบค่ำ แสงสีและท้องฟ้ายามราตรีทำให้เหมือนกับว่า เราทุกคนกำลังท่องอยู่บนแดนสวรรค์ปานนั้น ที่ทำให้หมอแต๋วเกือบอ้วกแตกก็คือรถยนต์ที่ขับวกวนไปมาบนยอดเขามัณฑเลย์ซึ่งพระวิหารหลังใหญ่ ได้บรรจุพระบรมธาตุสามพระองค์ของพระพุทธเจ้าไว้ ที่นี่บรรยากาศของตะวันกำลังลับขอบฟ้าจะสวยงามมาก ที่น่าทึ่งมากก็คือบันไดเลื่อนที่ทันสมัยไปจนถึงยอดเขา แต่เวลากลับให้ทุกคนเดินลงบันไดเข้าท่าดีเหมือนกัน
ไฮไลของทริปนี้ก็คือได้ชมความงามของทะเลสาบอินเล ชมวิถีชีวิตของชาวอินทา ที่อาศัยอยู่รอบ ๆ ทะเลสาบ ได้สัมผัสชีวิตการหาปลาแบบชาวอินทา โดยใช้เท้าพายเรือขาเดียว บริเวณนี้มีสำนักสงฆ์ที่รวมของพระพุทธรูปสำคัญ ๆ ไว้เป็นจำนวนมาก เป็นวัดสร้างด้วยไม้สักขนาดใหญ่ทั้งหลัง ประกอบด้วยเสาไม้ 654 ต้น สร้างในปี ค.ศ.1205 สมัยพระเจ้ามินดง เป็นที่น่าเสียใจและเสียดายที่คณะของเราไปวัดนี้ในเวลาที่หลวงพ่อเจ้าอาวาสซึ่งมีเชื้อสายไทยใหญ่ ได้ละสังขารล่วงพ้นชาวบ้านได้ทำพิธีฌาปนกิจศพของท่านวันนั้นพอดี ที่น่าเสียดายก็เพราะท่านสนิทสนมกับไกด์บุญยืนของเรามาก เราเลยอดชมแมวกระโดดลอดห่วงของวัดนี้ไปกับบริเวณใกล้เคียงกันก็เป็นวัดผ่องต่ออูกลางน้ำ ที่ผมปรารถนาอยากสัมผัสกราบไหว้ปิดทองพระบัวเข็มผ่องต่ออู พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่แกะสลักจากไม้จันทร์หอมอายุนับพัน ๆ ปี 5 องค์แต่ละองค์สูงเพียง 6 ซม. เท่านั้น แต่ด้วยความศรัทธาเลื่อมใสของชาวบ้าน ที่มาปิดทองจนใหญ่กว่าเดิมถึง 6 เท่า เหมือนกับมหาเมียะมุนี ( 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพม่า ) ที่เป็นพระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่ ทรงเครื่องกษัตริย์ ได้รับขนานนามว่า พระพุทธรูปทองคำเนื้อนิ่ม ซึ่งมีพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์สืบทอดกันมา กว่า 200 ปีแล้วก็คือ พิธีล้างหน้า พระพักตร์พระมหาเมียะมุนี ที่ชาวพม่าเชื่อว่า พระพุทธองค์ที่ยังมีลมหายใจอยู่ ทองคำเปลวที่ชาวบ้านปิดไว้กับองค์พระวันแล้ววันเล่าทำให้หนาเกือบ 3 นิ้ว เมื่อสัมผัสแล้วจึงนิ่มเหมือนกับเนื้อหนังของคนเรา ผมโชคดีที่ได้สัมผัสนมัสการ ปิดทองคำเปลวถวายท่านมากมายหลายแผ่น ทั้งของผมและสุภาพสตรีที่ไปสักการะแต่ไม่มีโอกาสได้ไปกราบไหว้ท่านบนฐานด้านบน จนพี่หม่องคงจะรำคาญผมว่า ได้หมอนี่ทำไม (มัน) ปิดทองนานจังเลย(วะ)
ชัย เมืองฉอด