วิธีจัดการกับรักแร้เปียก แฉะแค่ไหนก็เอาอยู่

วิธีจัดการกับรักแร้เปียก แฉะแค่ไหนก็เอาอยู่

วิธีจัดการกับรักแร้เปียก ปัญหาที่ใครหลายคนกำลังหาทางแก้ สำหรับใครที่ไม่อยากให้ปัญหารักแร้เปียกมาทำให้ขายหน้าอีกต่อไป ลองมาดูวิธีจัดการกันเลย

ปัญหารักแร้เปียก ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นได้บ่อย ๆ ในคุณสาว ๆ ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลเสียต่อบุคลิก ความมั่นใจ และทำให้ขายขี้หน้าเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากมันจะดูไม่น่ามองแล้ว บางคนยังมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ตามมาอีกด้วย ทำให้ผู้หญิงอย่างเราต้องอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีกันเลยทีเดียว ซึ่งปัญหารักแร้เปียกนี้ โดยส่วนใหญ่มักจะมีสาเหตุมาจากต่อมเหงื่อสร้างเหงื่อออกมามากกว่าปกติ ส่งผลให้บริเวณรักแร้เหงื่อออกง่ายและเปียกแฉะอยู่ตลอด สำหรับสาว ๆ ทั้งหลายที่กำลังเผชิญกับปัญหาเหล่านี้อยู่ อย่าปล่อยให้รักแร้เปียกมาทำให้เราเสียเซลฟ์อีกต่อไป รีบมาจัดการปัญหาให้หมดไปด้วยวิธีเหล่านี้กันเลย…

วิธีแก้ปัญหารักแร้เปียกสามารถทำได้หลายวิธีดังต่อไปนี้

1. เลือกใช้โรลออนที่เหมาะสม

สาว ๆ ที่มีเหงื่อออกมาก ควรเลือกซื้อโรลออนที่มีสาร Antiperspirant หรือสารระงับเหงื่อโดยเฉพาะ เพราะมันจะช่วยลดการเกิดเหงื่อและทำให้ใต้วงแขนแห้งสบาย นอกจากนี้ควรเลือกโรลออนที่มี Deodorant หรือสารระงับกลิ่นตัวประกอบอยู่ด้วย เพราะจะช่วยให้ใต้วงแขนไร้กลิ่นได้ตลอดวัน

2. ใช้โรลออนสำหรับลดเหงื่อโดยเฉพาะ

สำหรับคนที่มีเหงื่อออกมากเป็นพิเศษ โรลออนธรรมดาอาจจะเอาไม่อยู่ ให้เปลี่ยนมาใช้โรลออน Certain Dri ซึ่งเป็นโรลออนสำหรับทาใต้วงแขนเพื่อใช้รักษาโรคเหงื่อออกมากเกินไปโดยเฉพาะ เพราะจะมีส่วนผสมของ Aluminum Chloride ที่มีฤทธิ์ในการควบคุมเหงื่อ และยังจะช่วยลดขนาดของรูขุมขนบริเวณใต้วงแขน ทำให้อาการเหงื่อออกลดลง และสามารถลดปัญหากลิ่นตัวได้ด้วย

3. ทำเลเซอร์กำจัดขน

การทำเลเซอร์กำจัดขนใต้วงแขน มีส่วนช่วยให้ต่อมเหงื่อสร้างเหงื่อได้น้อยลง ดังนั้นจึงเป็นอีกวิธีหนึ่งในการรักษาปัญหารักแร้เปียกได้ แต่เป็นวิธีที่มีค่าใช้จ่ายสูง รวมถึงไม่ได้รักษาให้หายขาดเสมอไป แต่จะช่วยบรรเทาให้น้อยลงได้เท่านั้น

4. ใช้คลื่นวิทยุทำลายต่อมเหงื่อ

วิธีนี้เป็นการใช้เทคโนโลยีการใช้พลังงานส่งความร้อนลงไปทำลายต่อมเหงื่อ ซึ่งเป็นพลังงานคลื่นวิทยุ โดยมีหลักการทำงานคล้ายกันกับพลังงานไมโครเวฟ ด้วยวิธีการส่งพลังงานคลื่นวิทยุไปจับกับโมเลกุลของน้ำที่อยู่ในต่อมเหงื่อ ทำให้เซลล์ของต่อมเหงื่อถูกทำลาย จนไม่สามารถผลิตเหงื่อออกมาได้อีก สำหรับใครที่อยากจะใช้วิธีนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสียก่อน

Credit by Kapook.com

แบ่งปันข่าวสาร Like & Share ให้ด้วยนะค่ะ