• Home »
  • บทความ »
  • อินเทลหนุนการเรียนรู้แบบ STEM เพื่อพัฒนาการเรียนรู้

อินเทลหนุนการเรียนรู้แบบ STEM เพื่อพัฒนาการเรียนรู้

อินเทลหนุนการเรียนรู้แบบ STEM เพื่อพัฒนาการเรียนรู้

อินเทลหนุนการเรียนรู้แบบ STEM เพื่อพัฒนาการเรียนรู้

ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรสายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไม่ได้มีเฉพาะในประเทศไทย แต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ประเทศยักษ์ใหญ่ด้านเศรษฐกิจอย่างสหรัฐอเมริกา  และเป็นที่มาของการพัฒนาระบบการศึกษายุคใหม่ ที่เรียกว่า สเต็ม ศึกษา หรือ STEM Education ที่ทั้งภาครัฐและเอกชน ต่างร่วมมือกันผลักดันให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ต้องเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร รองรับการเปิดเสรีประชาคมอาเซียน

“นายวรภัทร ภัทรธรรม” ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัทอินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า อินเทลได้ให้การสนับสนุนภาครัฐ ในการจัดการศึกษาแบบสเต็ม ขึ้นในประเทศไทย ซึ่งสเต็ม ศึกษา (STEM Education) ก็คือการสอนแบบบูรณาการข้ามกลุ่มสาระวิชา ระหว่างศาสตร์สาขาต่าง ๆ ได้แก่ วิทยาศาสตร์ (Science: S) เทคโนโลยี (Technology : T) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineer: E) และคณิตศาสตร์ (Mathematics: M)

เป้าหมายก็คือให้เด็กเกิดการเรียนรู้และชอบในสิ่งที่เป็นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้เรียนรู้ และทดลองทำจริง และสามารถนำความรู้ที่เรียนมาใช้ในการแก้ปัญหา ค้นคว้า และพัฒนาสิ่งต่างๆ ได้ตามสถานการณ์ปัจจุบัน

ไม่จำเป็นที่จะต้องจบออกมาเป็นนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ แต่พื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรวมถึงด้านวิศวกรรม ต่างเป็นฐานความรู้ในการที่จะพัฒนานวัตกรรม หรือคิดค้นการเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจได้

ผู้บริหารอินเทลบอกว่า ปัจจุบันภาคเอกชนออกมาสนับสนุนโครงการเหล่านี้มากขึ้น เนื่องจากอยู่ในภาวะขาดแคลนบุคลากร

จากข้อมูลวิจัยพบว่า ใน 5 ปีข้างหน้า อัตราหาการจ้างงานบุคลากรในสายดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า ส่วนอัตราเงินเดือน ก็จะมากกว่าคนที่ไม่จบด้านนี้ถึง 32 % และจากการสร้างนวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ จะส่งผลทำให้จีดีพีหรือการเติบโตของประเทศเพิ่มขึ้นตามไปด้วยถึง 50 % ทีเดียว

ที่ผ่านมาอินเทลสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีผ่านโครงการต่างๆ และล่าสุดในโครงการสเต็ม ศึกษา ซึ่งในประเทศไทย มีสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือ สสวท.เป็นผู้ริเริ่มและผลักดัน

คุณวรภัทร บอกว่า โครงการสเต็ม เกิดขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งอินเทลก็มีหลักสูตรต้นแบบ และจะนำมาเป็นโครงการนำร่องในการอบรมกับครู กลุ่มเล็ก ๆ เพื่อปรับให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทางการศึกษาของไทย

คาดว่าจะเริ่มทำการอบรมได้ในปีการศึกษานี้ เพื่อเป็นต้นแบบและให้ข้อมูลกับภาครัฐถึงการกำหนดทิศทางที่กำลังจะไป นอกจากนี้ยังจะมีการสนับสนุนการฝึกอบรมผู้บริหารการศึกษา ใน 10 ประเทศอาเซียนอีกด้วย

ทั้งนี้ข้อมูลจากการอบรมต่าง ๆ ของสสวท. ใน 3 ปีที่ผ่านมา พบว่าผู้บริหาร ประมาณ 50 % เปิดรับกับแนวความคิดเหล่านี้ และกลุ่มที่กลับไปเปลี่ยนแปลงตัวเอง มีผลสัมฤทธิ์ในการจัดการเรียนการสอนที่ดีขึ้น ทำให้มั่นใจว่าหลักสูตรที่จะนำมาเทรนนิ่งนี้จะได้ผลดีกับผู้บริหารการศึกษา

ส่วนใครที่พลาดการเข้าอบรม อินเทลมีหลักสูตรออนไลน์ ให้ผู้บริหารได้เรียนรู้แบบทุกที่ทุกเวลา ที่ www.intel.com/education/elementsสำหรับแผนการดำเนินงาน อินเทล มองความยั่งยืนของโครงการ ซึ่งต้องเริ่มจากการสร้างความร่วมมือกับภาครัฐ พัฒนาหลักสูตรเพื่ออบรมครูและผู้บริหาร และนำไปสู่การพัฒนาเด็ก ๆ ต่อไป

แม้โครงการสเต็ม จะยังไม่มีประเทศตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จอย่างเห็นได้ชัดเจน แต่ต้นแบบประเทศที่เด่นชัดในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาตั้งแต่ยังไม่เกิดสเต็มศึกษาก็คือ เกาหลีที่สามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจขึ้นมาได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ

ถึงเวลาแล้วหรือยัง…กับระบบการศึกษาไทยที่จะต้องสอนให้เด็กมีความเป็นวิทยาศาสตร์ในหัวใจ เพราะนี่ก็คือทักษะสำคัญสำหรับการแข่งขันในศตวรรษที่ 21.

แบ่งปันข่าวสาร Like & Share ให้ด้วยนะค่ะ