แม่สอด-ตาก การประชุม สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-อาเซียน‏

การประชุมสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจอาเซียน

ตาก-สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ ไทย-พม่า พร้อมนำนักธุรกิจสู่ประตูการค้า ชายแดน พม่า เมียวดี – แม่สอด -นายกสมาคมฯเผยต่างประเทศแห่ลงทุนในพม่า ยุโรป ตะวันตกยังไม่ทันเลิกมาตรการคว่ำบาตร แนะให้จริงใจกับพม่า รองรับนครแม่สอดเป็นประตูการค้าประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน AEC

เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2555 พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ ไทย-พม่า เป็นประธานการประชุมสัญจรของสมาคมฯ ณ โรงแรมเซ็นทาราแม่สอดฮิลล์ รีสอร์ท อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งเป็นการประชุมในพื้นที่ ของสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย – พม่า สาขาแม่สอด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ เป็นการตรวจเยี่ยม พร้อมกับ รับฟังปัญหาและข้อขัดข้องต่างๆ ของ สมาคมฯ สาขาแม่สอด ผู้เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ ประกอบด้วย คณะกรรมการ ที่ปรึกษาสมาคมฯ สมาชิกของสมาคม ฯ และประธานสมาคมฯ สาขาต่างๆ และในพื้นที่ อำเภอแม่สอด จะมีผู้แทนจากส่วนราชการ องค์กรรัฐิสาหกิจ และภาคเอกชน เข้าร่วมประชุม กว่า 200 คน เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นต่างๆเกี่ยว กับปัญหาข้ออุปสรรคต่างๆ ด้านวัฒนธรรม และเศรษฐกิจ ระหว่าง ไทย – พม่า ในพื้นที่ของ จังหวัดตาก โดยตรง ซึ่งนายยงค์ ยะคำนะ ประธานสมาคมฯ สาขาแม่สอด จะได้นำคณะ ฯ ดูงาน เขตเศรษฐกิจพิเศษเมียวดี และ ชมศิลปะ วัฒนธรรมพม่าในจังหวัดเมียวดีด้วย จึงถือว่าเป็นการตรวจเยี่ยม ที่ได้รับทราบปัญหาจากการตรวจสภาพพื้นที่จริง รองรับนครแม่สอดเป็นประตูการค้าประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน AEC การประชุมครั้งนี้ยังมีนายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เข้าร่วมประชุมและได้เสนอแนวคิดให้สมาคมฯเพื่อร่วมพัฒนานครแม่สอดเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิเศษ “นครแม่สอด” รองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน AEC ในปี 2558 อีกด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ ไทย-พม่า มีนโยบายให้มีการประชุมสัญจรในพื้นที่ของ สมาคมฯ สาขาต่าง ๆ ซึ่งเป็นการตรวจเยี่ยม เพื่อรับทราบปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ โดยจะได้มีการพิจารณาแนวทางแก้ไขจากข้อเท็จจริง จากที่ผ่านมา มีการตรวจเยี่ยมแล้ว คือ สาขาเชียงใหม่ สาขาสมุทรสาคร มีการประชุมสัญจรและตรวจเยี่ยม คือ สาขากาญจนบุรี สาขาเจดีย์สามองค์ และสาขาเชียงราย การประชุมสัญจร และตรวจเยี่ยม สาขาแม่สอดในครั้งนี้ นอกจากเพื่อเป็นการตรวจเยี่ยมเพื่อรับ ทราบปัญหาแล้ว ยังสืบเนื่องมาจาก พลเอกเชษฐา ฐานะจาโร ได้พาคณะนักธุรกิจ ไปประเทศพม่าตามคำเชิญ ของ ดร. ขิ่นฉ่วย สมาชิกวุฒิสภา เมื่อ วันที่ 9 -14 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากนั้น ได้มีการประสานงานต่อเนื่อง ระหว่างนักธุรกิจ กับ สมาคมฯ เพื่อหาแนวทางไปลงทุนในประเทศพม่า โดยผ่านการประสานงาน ของ บริษัทส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจ ไทย-พม่า ซึ่งเป็นบริษัท ฯ ที่ขึ้นตรงกับสมาคมฯ และมีการจัดตั้งบริษัทฯ ขึ้นเพื่อช่วยเหลือ ส่งเสริม อำนวยความสะดวก และช่วยตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ให้แก่นักธุรกิจไทยที่ต้องการลงทุนในพม่า ผลจากการประชุมครั้งนี้ ย่อมเกิดประโยชน์โดยตรงต่อนักธุรกิจไทย

สมาคมฯ สาขาแม่สอด เป็นพื้นที่ ที่ตั้งอยู่ ในอำเภอแม่สอด ซึ่งขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ เสนอให้ได้รับการ พัฒนา เป็น นครแม่สอด และให้เป็นพื้นที่ เขตเศรษฐกิจ และเขตท้องถิ่นพิเศษ และ จากการประชุมสุดยอดผู้นำ GREATER MEKONG SUB- REGION-GMS- หรือ โครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิ – ภาคลุ่มน้ำโขง ( 6 ประเทศ ) ของ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ กรุงเนปิดอร์ เมืองหลวงของพม่า และได้มีการนำเรื่องการจัดตั้งเมืองคู่แฝดทางเศรษฐกิจ 5 แห่ง เช่น แม่สอด-เมียวดี, เชียงของ-ท่าทรายนครพนม-คำม่วน, กาญจนบุรี-ทวาย, หรือมุกดา หาร-สะหวันนะเขต ล้วนทำให้เกิดความ ร่วมมือทางเศรษฐกิจ สมาคมฯ สาขาแม่สอด จึงมีส่วนสำคัญยิ่งที่จะช่วยเหลือ นักธุรกิจไทย ให้มีความเชื่อมั่นในการลงทุนธุรกิจด้านต่างๆ กับประเทศพม่า มากขึ้น หลังเสร็จสิ้นการประชุมที่ สมาคมฯ สาขาแม่สอดแล้ว จะมีการนำผลสรุปรายงานต่างๆ รวมทั้งปัญหาข้อขัดข้องที่เกิดขึ้น แจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เป็นแนวทางวางแผนที่มุ่งเสริมการค้าของสองประเทศ และวิเคราะห์แนวทางแก้ปัญหา ให้เกิดความร่วมมือขององค์กรที่เกี่ยวข้อง และเสนอแนะข้อเท็จจริงต่างๆ แก่นักธุรกิจในเครือ ของสมาคมฯ รวมทั้งนักธุรกิจอื่นๆที่สนใจ เพื่อเป็นการส่งเสริมสนับสนุนการค้า ระหว่างประเทศไทย และพม่า ให้ก้าวหน้ามาก ขึ้น ตามนโยบาย ที่ทางสมาคมต้องการให้เป็นคือ “ ให้สมาคมฯ เป็นประตู / ช่องทาง ทั้งด้านวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ ไทย – พม่า ในลักษณะที่มีผลประโยชน์เท่าเทีย AEC ม และให้เป็นสื่อกลางประสานงาน ระหว่างนักธุรกิจไทย – พม่า ในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน ” กับการเข้าสู่ AEC

พลเอกเชษฐา กล่าวว่า จากประสบการณ์ในการทำงานในกองทัพบกต่อประเทศพม่าที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จ และที่สำคัญที่สุดคือความจริงใจ ที่มีต่อกัน ไทย กับพม่ามีวิถีชีวิต วัฒนธรรมประเพณีที่คล้ายคลึงกัน และในปัจจุบันนี้พม่าเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบอบประชาธิปไตย มีนักลงทุนจากยุโรปอเมริกา ตะวันตก ได้ไปลงทุนในพม่าจำนวนมากก่อนที่จะมีการยกเลิกการบอยคอตในพม่า จึงขอให้นักลงทุนไทยเข้าไปในพม่า ทางสมาคมวัฒนธรรมฯล พร้อมที่จะให้การสนับสนุน ซึ่งพม่าให้ความสำคัญกับคนไทยมาก “ เราต้องเลิกคิดถึงประวัติศาสตร์ไทย กับ พม่า ที่ผ่านมา แต่เราต้องคิดถึงวันนี้ และในอนาคตเราจะทำอะไร ” พลเอกเชษฐากล่าว และว่า โรงแรม ที่พักในพม่าทุกวนนี้ เต็มไปหมด เต็มไปด้วยนักธุรกิจที่เข้าไปลงทุนทั้งในเมืองเนปีดอว์และย่างกุ้ง

Credit  :  Manager.co.th

การประชุมสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจอาเซียน