• Home »
  • ข่าวแม่สอด »
  • คาราวานรถยนต์พ่อค้าชายแดนตาก ปักหมุดเส้นทางแม่สอด-พะอัน-เมาะละแหม่ง

คาราวานรถยนต์พ่อค้าชายแดนตาก ปักหมุดเส้นทางแม่สอด-พะอัน-เมาะละแหม่ง

 

250656

คาราวานรถยนต์หอการค้าจังหวัดตาก นับเป็นคณะเอกชนเจ้าแรกของประเทศไทย ที่สภาหอการค้า และอุตสาหกรรม รัฐมอญ ประเทศพม่า ได้บันทึกลงเป็นประวัติศาสตร์ว่า ใช้รถยนต์สำรวจเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างไทย-พม่า จุดเริ่มต้นจากอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เข้าด่านพรมแดนจังหวัดเมียวดี ผ่านไปยังเมืองกอกาเรก เข้าสู่เมืองพะอัน ในเขตปกครองของรัฐกะเหรี่ยง ก่อนจะผ่านเข้ามาสู่เมืองไจก์ทิโย และสิ้นสุดปลายทางที่เมืองเมาะละแหม่งในเขตปกครองของรัฐมอญ ด้วยระยะทาง 399 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมโยงการค้า และการท่องเที่ยวระหว่างไทย-พม่าอย่างเป็นทางการ

สำหรับเส้นทางนี้ถูกปิดเป็นแดนสนธยามานาน มีเพียงแค่การเข้าออกของคาราวานสินค้าของชาวพม่าที่เข้ามาจับจ่ายซื้อสินค้าไทยเข้าไปยังเมืองต่างๆ ของพม่า อีกทั้งก่อนหน้านี้มีข้อจำกัดด้านเสถียรภาพทางการเมืองของพม่าที่มีการสู้รบกันมานาน ถือเป็นจุดเสี่ยงในด้านความมั่นคงทำให้ชาวไทย และชาวต่างประเทศไม่สามารถใช้เส้นทางนี้สัญจรไปมาได้ จนกระทั่งพม่าเปิดประเทศมีการเจรจาหยุดยิงกับชนกลุ่มน้อย ทำให้พื้นที่ชายแดนจุดนี้ที่เปรียบเป็นประตูสู่อันดามัน และประตูสู่เส้นทางระเบียงเศรษฐกิจแนวตะวันออก-ตะวันตก เริ่มถูกเปิดตัวออกสู่สายตาชาวโลกมากขึ้น

แม้ว่าบรรดาพ่อค้าชายแดนไทยที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตากจะทำการค้ากับพม่าผ่านชายแดนทางจังหวัดเมียวดีมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ  ปัจจุบันนี้มีมูลค่าการค้าผ่านพิธีการศุลกากรด่านแม่สอดปีละ 3-4หมื่นล้านบาท ก็ไม่ได้เข้าถึงแหล่งการค้าด้วยตัวเอง แต่ใช้วิธีการซื้อขายสินค้าผ่านพ่อค้าชาวพม่าที่นำสินค้าเข้าไปกระจายขายในประเทศอีกทอดหนึ่ง ครั้งนี้จึงเป็นการลงพื้นที่เป็นครั้งแรกของพ่อค้าชายแดนไทย ที่มีโอกาสได้สำรวจลู่ทางการค้า และการท่องเที่ยวด้วยตัวเอง เพื่อปรับตัวให้ทันกับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558

นายสมศักดิ์ คะวีรัตน์ ประธานหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวว่า หอการค้าจังหวัดตากเพิ่งมีโอกาสนำสมาชิก และผู้ประกอบการค้าชายแดนไปสำรวจเส้นทางนี้เป็นครั้งแรก หลังจากมีการค้าขายกันมาเป็นร้อยปี และการที่รัฐบาลของรัฐกะเหรี่ยง และรัฐมอญ อนุญาตให้เข้าสำรวจเส้นทางและร่วมเจรจาแนวทางการพัฒนาการค้า และการท่องเที่ยวร่วมกันอย่างเป็นทางการ และถูกบันทึกข้อมูลที่ใช้เส้นทางนี้เดินทางด้วยรถยนต์ทั้งขาไปและขากลับอย่างปลอดภัย สะท้อนให้เห็นว่าพม่ามีความพร้อมอย่างเต็มที่ทั้งด้านของความมั่นคง และทางเศรษฐกิจของพม่า ซึ่งจากการไปสำรวจหัวเมืองแต่ละจุดพบว่าล้วนแต่มีศักยภาพที่เหมาะจะทำการค้า และการท่องเที่ยวร่วมกันมากขึ้น และเชื่อว่าต่อไปจะถนนเส้นนี้จะเป็นถนนสายเศรษฐกิจที่มีมูลค่าการค้าหลายหมื่นล้านบาท และไม่ใช่เพียงแค่ความร่วมมือของ 2 ประเทศ และยังหมายถึงประเทศรอบข้างอย่างอินเดีย และจีนอีกด้วย

นายบรรพต ก่อเกียรติเจริญ  ผู้จัดการ หจก.ง้วนเฮง 1992 กล่าวว่า เส้นทางนี้จากจังหวัดเมียวดี-เมืองกอกาเรกอยู่ระหว่างการปรับปรุง แต่เส้นทางจากที่ต่อมายังเมืองพะอัน-เมาะละแหม่ง-ย่างกุ้ง หากย้อนไปเมื่อ 3 ปีก่อนจะไม่เอื้อต่อการเดินทาง แต่ปัจจุบันถือว่าถนนขยายใหญ่ขึ้น โดยแต่ก่อนการเข้ามาสำรวจของพ่อค้าชายแดนจะต้องผ่านทางย่างกุ้ง และเดินทางด้วยรถยนต์มายังเมืองเมาะละแหม่ง และเมืองพะอันเท่านั้น ฉะนั้น การเปิดทางจากอำเภอแม่สอดครั้งนี้ จึงเป็นการเปิดเส้นทางเชื่อมโยงไทย-พม่าผ่านหัวเมืองชายแดนสำคัญของ 2 ประเทศเป็นครั้งแรก ซึ่งจากการไปสำรวจครั้งนี้ ขาไปใช้เส้นทางแม่สอด-เมียวดี-พะอัน-ไจก์ทิโย-เมาะละแหม่ง ทำให้เห็นถึงศักยภาพของการค้า และการท่องเที่ยว

โดยเฉพาะเมืองไจก์ทิโย เป็นที่ตั้งของพระธาตุอินทร์แขวน 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางพุทธศาสนาของพม่า จึงเหมาะที่จะพัฒนาเปิดเป็นเส้นทางท่องเที่ยวได้ หากว่าในอนาคตการก่อสร้างถนน เสร้จใช้เวลาเดินทางจากแม่สอดมายังไจก์ทิโยเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น และหากเดินทางจากต่อจากเมืองเมาะละแม่งไปยังทวายมีระยะทางเพียง 200 กิโลเมตรเท่านั้น เท่ากับว่าอำเภอแม่สอด จะเป็นจุดตัดทางทิศตะวันตกที่เชื่อมเข้าสู่หัวเมืองสำคัญของพม่าใกล้ที่สุด ส่วนขากลับใช้เส้นทางจากเมาะละแหม่ง-อินดู-กอกาเรก-เมียวดี-แม่สอด ระยะทาง 168 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางเพียง 5-6ชั่วโมง แต่หากว่าถนนมีการก่อสร้างเสร็จภายใน 3 ชั่วโมงก็จะเดินทางถึงกันได้ เท่ากับว่าต่อไปเส้นทางนี้จะมีความคึกคักเป็นพิเศษ เพราะจะเป็นทั้งเส้นทางการค้า และการท่องเที่ยวควบคู่กัน

นายสุชาติ ตรีรัตนวัฒนา  ผู้จัดการ หจก.พรเทวีอิมพอร์ตเอ็กซพอร็ต กล่าวว่า สภาพเส้นทางของพม่าเป็นถนนลาดยางมีเพียงบางช่วงที่ขุรขระเพื่อรอการปรับปรุง และการขึ้นเขาบริเวณจังหวัดเมียวดีมายังเมืองกอกาเรก ยังไม่เอื้อต่อการขนส่ง แต่หากว่าถนนตัดใหม่ระหว่างจังหวัดเมียวดีมายังกอกาเรกที่รัฐบาลไทยสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างนับพันล้านบาทสร้างเสร็จ ต่อไปมูลค่าการค้าชายแดนจะขยับตัวหลายเท่าตัว และเข้าสู่ย่างกุ้งของพม่าได้ภายใน 1 วันเท่านั้น จะทำให้อำเภอแม่สอด จังหวัดตากเป็นแลนด์มาร์คทางการค้าที่โดดโด่นไม่แพ้จุดอื่นๆ ในอาเซียน

นายประสงค์ สันติพนารักษ์  ผู้จัดการ หจก.ชนะอิมพอร์ตเอ็กซ์พอร์ต กล่าวว่า แม้ว่าพม่าจะเปิดประเทศแล้ว แต่ด้วยความที่เป็นพื้นที่ปิดมานาน เชื่อได้ว่าบรรยากาศการค้าชายแดนก็ยังมีเสน่ห์เหมือนเดิม เพราะพม่าชินกับการค้าแบบเดิมที่อาศัยความไว้วางใจซึ่งกันและกัน อีกทั้งการไปสำรวจเส้นทางคมนาคมครั้งนี้ พบว่ากว่าร้อยละ 90 เป็นสินค้าไทยทั้งนั้นที่เข้าไปครองตลาดในประเทศพม่า จึงเชื่อว่าการสำรวจเส้นทาง และการทำการค้าในหัวเมืองของพม่าในครั้งนี้ ทำให้มีความเข้าใจความต้องการสินค้าของตลาดในพม่ามากขึ้น

นายประเสริฐ จึงกิจรุ่งโรจน์     ผู้จัดการ หจก.หยูล้งอินเตอร์เทรด กล่าวว่า เดิมที่มีการค้าขายสินค้าอุปโภคบริโภคกับพม่ามานาน แต่ไม่เคยได้เข้าไปสำรวจเหมือนครั้งนี้ ทำให้รู้ว่าตลาดในพม่าที่ทำการค้ากันอยู่นั้นเป็นอย่างไร ซึ่งจะเป็นการบ้านให้พ่อค้าชายแดนกลับมาวางกลยุทธ์ทางด้านการตลาดกับพม่า และต่อเนื่องไปยังอินเดีย และจีนได้เป็นอย่างดี และเส้นทางที่ได้เข้าไปสำรวจครั้งนี้ ผ่านภูเขาสูงชันยังมีการค้าขายกันอย่างคึกคัก หากว่าถนนมีการก่อสร้างเสร็จเชื่อว่าไม่เพียงแต่การค้าที่จะก้าวกระโดด และจะต่อยอดไปยังการท่องเที่ยวได้อีกด้วย

ปิดฉากคาราวานรถยนต์ของหอการค้าจังหวัดตาก ถือว่าประสบความสำเร็จด้วยดี ภายใต้การเข้ามาต้อนรับของคณะรัฐมนตรี รัฐกะเหรี่ยง และรัฐมอญ ประเทศพม่าอย่างครบทีม นับว่าเป็นส่งสัญญานบวกถึงการเปิดฉากทำการค้า และการท่องเที่ยวระหว่างไทย-พม่าร่วมกัน และเมื่อการก่อสร้างเส้นทางในพม่าจากเมียวดี-กอกาเรกระยะทาง 46 กิโลเมตรเสร็จสิ้นภายในปี 2557 ต่อไปการเข้าถึงหัวเมืองสำคัญของพม่าจะหมดอุปสรรค และ”แม่สอด”จะกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจชายแดนระดับประเทศในกลุ่มอาเซียนที่ไม่ควรมองข้ามเป็นอันขาด

Credit by คมชัดลึก

แบ่งปันข่าวสาร Like & Share ให้ด้วยนะค่ะ