เหตุใดโรงพักทั่วประเทศยังสร้างไม่เสร็จ

 

เหตุใดโรงพักจึงสร้างไม่เสร็จ

เหตุใดโรงพักจึงสร้างไม่เสร็จ

เหตุใดโรงพักทั่วประเทศยังสร้างไม่เสร็จ 

แฉ 2 ไอ้โม่งอมเงินสร้างโรงพัก ตอนนี้กรรมกำลังวิ่งไล่ตามทัน นอนไม่หลับพยายามต่อสายผู้ใหญ่ให้ช่วย “พร้อมพงศ์” เผยงบสร้างโรงพักมีเลศนัย แก้ไขหลักการทำสัญญาจ้างฉบับเดียวที่ส่วนกลาง ปีเดียวแม้แต่เทวดายังสร้างไม่เสร็จฉะอภิสิทธิ์อย่าทำเป็นทองไม่รู้ร้อน “เทือก” อย่าเป็นขอมดำดิน เตรียมยื่น ปปง.สอบเงินงวดแรก 800 ล้านอยู่ที่ไหน “มาร์ค” โยนให้ ผบ.ตร.รับผิดชอบยอมรับสุเทพชี้แจงน้อยไป และเตรียมเปิดข้อมูลโต้เร็ว ๆ นี้
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 ก.พ. ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงปัญหาจากโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทนทั่วประเทศ 396 แห่งและอาคารบ้านพักข้าราชการหรือแฟลตตำรวจ 163 แห่ง ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่มีบริษัทพีซีซี ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น เป็นคู่สัญญารวม 2 โครงการ มูลค่าเกือบ 9,000 ล้านบาท ว่าจากการลงพื้นที่หาข้อเท็จจริงในหลายจังหวัดฝั่งอันดามันเมื่อวันที่ 31 ม.ค. ที่ผ่านมา อาทิ จ.พังงา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี พบว่ายังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จแม้แต่แห่งเดียว ผู้รับเหมาทิ้งงานมาแล้วเป็นปีจนกลายเป็นที่อยู่ของงูและสัตว์มีพิษ โดยเฉพาะ สภ.อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา มีแค่เสาเดียวจนมีคนนำป้ายไปปักว่าโรงพักเสาเดียว นี่เป็นการประจานการทำงานของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา บริษัทพีซีซีเบิกเงินล่วงหน้าไปแล้วถึง 1,500 ล้านบาท แต่งานไม่คืบ ความเสียหายนี้ใครจะรับผิดชอบ
โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการสัมภาษณ์ผู้รับเหมาช่วง ซึ่งเป็นนักการเมืองท้องถิ่นทราบว่า ยังไม่เคยได้รับเงินจากบริษัทพีซีซีและเกิดกรณีเดียวกันหลายจังหวัด เช่น จ.เชียงใหม่ บางรายใช้ตำแหน่งข้าราชการของภรรยาไปค้ำประกันกู้เงิน เพื่อมาดำเนินการก่อสร้างไปก่อน ทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง ผู้รับเหมาช่วงเหล่านี้ต่างเป็นเหยื่อของขบวนการ จึงเรียกร้องให้ผู้รับเหมาช่วงทั่วประเทศออกมาเปิดเผยข้อมูล จะผ่านสื่อให้กับตนเองหรือกรมสอบสวนคดีพิเศษก็ได้ พร้อมกันนี้เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแล สตช. ขณะนั้นและเป็นผู้ลงนามในสัญญาว่าจ้างออกมาชี้แจง ว่าเหตุใดถึงแก้ไขหลักการเดิมที่ให้กระจายงานในระดับภาค มาเป็นรวมศูนย์ทำสัญญาว่าจ้างฉบับเดียวที่ส่วนกลาง เพราะน่าจะเล็งเห็นผลแต่ต้นว่า เป็นไปไม่ได้ที่บริษัทเอกชนรายเดียวจะก่อสร้างโรงพัก 396 แห่งและแฟลตตำรวจ 163 แห่งแล้วเสร็จภายในหนึ่งปี เทวดาก็ทำไม่ได้ ดังนั้นนายอภิสิทธิ์อย่าทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ส่วนนายสุเทพอย่าเป็นขอมดำดิน
โฆษกฯ ระบุต่อว่า วันที่ 5 ก.พ. เวลา 10.00 น. ตนจะนำหลักฐานเข้ายื่นต่อเลขาธิการสำนักงานกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพราะหลังจากบริษัทพีซีซีรับเงินงวดแรก 800 ล้านบาท จาก สตช. ซึ่งสั่งจ่ายเป็นเช็คผ่านธนาคารกรุงไทย ตามด้วยงวดที่สอง แล้วเงินเหล่านี้หายไปไหน น่าจะมีไอ้โม่งได้ไป เพราะไม่ถูกนำมาจ่ายให้กับผู้รับเหมาช่วงจนเป็นเหตุให้ทิ้งงาน นอกจากนี้จะยื่นหลักฐานเพิ่มเติมกับสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินด้วย เรื่องนี้มีคนเกี่ยวข้องอย่างน้อย 2 ราย แต่ยังไม่บอกว่าเป็นนักการเมืองหรือข้าราชการ แต่ทราบว่าคนที่อยู่เบื้องหลังตอนนี้นอนไม่หลับกระสับกระส่าย ต่อสายถึงบุคคลต่าง ๆ กฎแห่งกรรมกำลังวิ่งไล่ตามคนพวกนี้พวกที่ชอบกล่าวหาคนอื่นว่าทุจริต และนี่จะเป็นโมเดลแรกของการปราบปรามทุจริต ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย” นายพร้อมพงศ์ กล่าว
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า หลังกระบวนการสอบสวนเริ่มชัดเจนจะจัดนิทรรศการพร้อมสัมมนา และตนจะเขียนพ็อกเกตบุ๊กถึงโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน ซึ่งเริ่มลงมือเขียนบางส่วนแล้วเนื่องจากมีความน่าสนใจ ตำรวจโดนโจรปล้นบ้านกลางวันแสก ๆ และหลังจากนี้จะเป็นคิวของการทุจริตจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษา ตามโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง หรือเอสพี 2 หรือเรียกว่าเป็นโมเดลที่ 2 ในการปราบปรามทุจริตต่อไป
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยเตรียมยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ จากกรณีการก่อสร้างสถานีตำรวจทั่วประเทศ ว่า ที่ผ่านมานายสุเทพ มีโอกาสชี้แจงน้อย แต่ตอนนี้นายสุเทพ พร้อมที่จะชี้แจง มีการเตรียมข้อมูลไว้หมดแล้ว ทั้งนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า ครม.เป็นผู้อนุมัติงบประมาณ ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ก็ยังยอมรับว่ามีความจำเป็นเพราะเป็นโครงการที่ดี ส่วนรายละเอียดเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างนั้นมีลำดับอำนาจหน้าที่อยู่ ซึ่งนายสุเทพ ก็อนุมัติตามที่หน่วยงานเสนอทุกครั้ง และสิ่งที่หน่วยงานขอมาก็ไม่ได้มีอะไรที่ผิดปกติต่อระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง และถ้าดูจากตัวเลขการประมูลก็ไม่มีการฮั้วเพราะเสนอราคาต่ำกว่ากันเยอะ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนปัญหาการทิ้งงานก็เป็นเรื่องการบริหารสัญญา ถ้าหากมีผู้ประมูลแล้วทำไม่ได้ก็เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่ต้องบริหารสัญญาว่าจะแก้ไขอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในอำนาจของ ผบ.ตร. โดยผ่านมาหลาย ผบ.ตร.แล้วในสองรัฐบาล ดังนั้นจึงไม่ใช่อำนาจของรองนายกฯ อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่าเจ้าหน้าที่มีความผิด เพราะต้องไปดูว่าถ้าผู้ประมูลทำไม่ได้แล้วจะต้องดำเนินการอย่างไร แต่ที่มีการโยงมาถึงตัวนายสุเทพ ก็เห็นชัดเจนว่าหลายเรื่องที่ดีเอสไอกำลังดำเนินการอยู่ก็พยายามที่จะโยงมาให้ถึงพวกตนทั้งนั้น
ส่วน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีปัญหาโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ 396 แห่งทั่วประเทศ ไม่คืบหน้า ว่า ทั้งตนและนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ต่างมีข้อมูลความผิดเกี่ยวกับคดีดังกล่าวที่จะไปร้องให้ตรวจสอบ และมีหลักฐานชัดเจนที่สามารถเอาผิดคนที่เกี่ยวข้องได้ทั้งหมดเพราะก่อนหน้ามีการอนุมัติการก่อสร้าง 9 ภาค 9 สัญญา แต่พอหลังเดือนมิถุนายน 52 มาเปลี่ยนสัญญาให้กับผู้รับเหมารายเดียว ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ สามารถดำเนินคดีเอาคนผิดมาลงโทษได้ทันทีตามมาตรา 211 ความผิดว่าด้วยการฮั้วประมูล ตาม พ.ร.บ.แนบท้ายให้อำนาจดีเอสไอ ดำเนินการได้เลย แม้จะติดปีกหนีก็ไม่พ้นความผิด เพราะได้เบิกเงินงบประมาณไปแล้ว 15% แต่เชื่อว่าผู้รับเหมาไม่ได้เงิน เพราะไม่มีการสร้างงานต่อ
“ต้องขอบใจนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ที่มาเปิดประเด็นนี้ ผมไม่ขอเปิดเผยว่าข้อมูลที่มีอยู่ จะเอาผิดถึงนักการเมืองคนใดหรือใคร แต่จะให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ดำเนินการ เพราะคดีนี้ถือเป็นคดีพิเศษอยู่แล้ว” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
สำหรับความคืบหน้าการออก พ.ร.ก. นิรโทษกรรม ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับมอบหมายให้ดูอย่างจริงจัง แต่เชื่อว่าน่าจะผลักดันให้ออกมาได้ เพราะประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ ควรหาทางออกให้กับประเทศดีกว่ามาทะเลาะกัน เชื่อมั่นว่าสุดท้ายจะเกิดสันติสุขในประเทศ.–จบ–

Credit:  เดลินิวส์

แบ่งปันข่าวสาร Like & Share ให้ด้วยนะค่ะ