‘สเปน-อิตาลี’คิวต่อไปจุดเสี่ยงเศรษฐกิจโลก-ไทย!!!

สเปน-อิตาลี คิวต่อไปเศรษฐกิจโลก

สเปน-อิตาลี คิวต่อไปเศรษฐกิจโลก

ผ่านพ้นไปแล้วกับการลุ้นระทึกเลือกตั้งรอบ 2 ของประเทศกรีซ ที่ผลออกมาเป็นสัญญาณบวก ให้อยู่ในกลุ่มประเทศยูโรโซนต่อไปได้
หลัง “พรรคนิว เดโมเครซี” พรรคอนุรักษ์นิยม ชนะการเลือกตั้ง และเป็นพรรคที่ให้การสนับสนุนมาตรการรัดเข็มขัด เพื่อขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจาก “สหภาพยุโรป” หรือ “อียู” และ”กองทุนการเงินระหว่างประเทศ” หรือ “ไอเอ็มเอฟ” ในวงเงิน 1.30 แสนล้านยูโร หรือ 1.60 แสนล้านดอลลาร์

ผลจากการเลือกตั้ง กลายเป็น “จิตวิทยาเชิงบวก” ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดให้กับตลาดทั่วโลกได้ รวมถึงประเทศไทยด้วย ที่ต่างขานรับกับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ เหลือเพียงต้องติดตามกันต่อไป ทั้ง “อียู-ไอเอ็มเอฟ” จะเริ่มไฟเขียวเม็ดเงินก้อนดังกล่าวเมื่อใด และ “รัฐบาลใหม่กรีซ” จะมีแนวทางบริหารจัดการ “หนี้สินที่ล้นพ้นตัว” อย่างไร เพื่อให้ประชาชนของประเทศเข้ามามีส่วนร่วมในรับภาระหนี้สิน ซึ่งคือปัญหาอันหนักหน่วงของ “รัฐบาลใหม่กรีซ” ที่เพิ่งคว้าชัยชนะท่ามกลางทางเลือกที่ไม่มากนัก เนื่องจาก “กรีซ” มีเงินสดเหลือเพียงพอสำหรับการบริหารประเทศเพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น เพราะหากยิ่งแก้ปัญหาล่าช้า โอกาสที่ปัญหาจะลุกโหมขึ้นมาสร้างความปั่นป่วนให้กับยุโรปซ้ำเติมลงไปอีกก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน

ขณะเดียวกัน ปัญหาดังกล่าวได้ส่งผลกระทบโดยตรงยังส่วนของ “ตลาดอาเซียน” ซึ่งเป็นตลาดคู่ค้าสำคัญของประเทศไทย และส่งผลกระทบทางอ้อมกับเศรษฐกิจประเทศไทยรวมไปเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะภาคการส่งออก และหากอนาคต ประเทศกรีซหลังตั้งรัฐบาลแล้วไปไม่รอด ประกอบกับยังมีประเทศ “สเปน-อิตาลี” ที่มีการขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับสูงคล้ายกรีซ และขณะนี้ปัญหากำลังจ่อคิวรอปะทุ ถึงตอนนั้นยุโรปจะสาหัสทางเศรษฐกิจเพียงใดไม่ต้องพูดถึง เพราะขนาด “กรีซ” ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจที่มีขนาดเล็กกว่า “สเปน-อิตาลี” หลายเท่า ยังสร้างความปั่นป่วนทางการเงินให้กับยุโรปได้เพียงนี้ หากปัญหา “สเปน-อิตาลี” ปะทุขึ้นมา ทั้งสหภาพยุโรป กลุ่มอาเซียน และประเทศไทย ก็มองไม่เห็นหนทางที่จะพ้นวิกฤตร่วมกันได้

ซึ่ง “คณิศ แสงสุพรรณ” ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง ได้ประมาณว่า “ปีนี้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี ของยุโรปจะขยายตัวติดลบ ร้อยละ 0.9 แต่ขณะนี้อาจติดลบมากกว่า หรือกรณีเลวร้ายสุด ติดลบ ร้อยละ 5 ซึ่งหมายความว่าจีดีพีของไทยจะขยายตัวลดลงเหลือร้อยละ 2.2 จากร้อยละ 5.5 แต่ทั้งนี้ ความเป็นไปได้ที่จีดีพียุโรปจะติดลบถึงร้อยละ 5 มีเพียงร้อยละ 20 เท่านั้น”

เพียงแค่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย ที่มีโอกาสขยายตัวได้ร้อยละ 5.5 สามารถลดลงเหลือร้อยละ 2.2 เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง และท้าทายฝีมือรัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยิ่งนัก ที่จะต้องเร่งรีบกลับไปขบคิดและหาแนวทาง ว่าจะพยุงหรือผลักดันเศรษฐกิจของประเทศในทุกด้านไปทิศทางไหนอย่างไร อย่าลืมว่าความพยายามมองหาตลาดใหม่ในกลุ่มอาเซียน และตลาดอื่นๆ เพื่อชดเชยตลาดส่งออกยุโรปของไทยที่เคยส่งออกไป ร้อยละ 10.6 ณ วันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว เพราะ “ตลาดอาเซียน” ต่างได้รับผลกระทบและมองจุดเดียวกับไทย หากยังมัวเงื้อง่าเอ้อระเหย รับรองว่าไม่ทันกาล เพราะปัญหายุโรปไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ เท่ากับประเทศ “กรีซ” แต่ปัญหาใหญ่ต่อจากนี้คือ “สเปน-อิตาลี” ที่รอจ่อคอหอยนับถอยหลังวันปะทุในอนาคตที่เป็นจุดสี่ยงของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย!!!!

 

Credit:  INN

แบ่งปันข่าวสาร Like & Share ให้ด้วยนะค่ะ