สาวพม่าร่ำไห้แทบขาดใจ หลังพบศพลูกน้อย

สาวพม่าร่ำไห้แทบขาดใจ หลังพบศพลูกน้อย

สาวพม่าร่ำไห้แทบขาดใจ หลังพบศพลูกน้อย

[gn_highlight bg=”#ffef99″ color=”#000000″]เด็กกับน้ำย่อมคู่กัน ทำให้เด็กต้องตายไปเพราะน้ำก็หลายคน ล่าสุดก็อีกศพ หลังได้จับแจ้งเหตุจมน้ำ[/gn_highlight]

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 27 ก.ค. ร.ต.ท.ชัยรัตน์ จันทร์สุรินทร์ พนักงานสอบสวน สน.พระโขนง รับแจ้งเหตุเด็กจมน้ำเสียชีวิต บริเวณคลองเจ็ก ถนนสุขุมวิทซอย 62 แขวงบางจาก เขตพระโขนง .จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.พระโขนง แพทย์เวรฯรพ.จุฬาฯ และเจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำของมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง

ที่เกิดเหตุเป็นคลองระบายน้ำ บนทางเดินเท้าก่อนทางเข้าซอยดังกล่าว พบรองเท้าแตะของเด็กตกอยู่  ใกล้กันมีไม้แผ่นกระดาน ยาวประมาณ 5 เมตรพาดลงไปในน้ำ ห่างไปประมาณ 10 เมตร พบเจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำมูลนิธิป่อเต็กตึ้งกำลังลงไปค้นหาเด็กรายดังกล่าว โดยใช้เวลากว่า 1 ชม. จนสามารถนำศพเด็กขึ้นมาได้ทราบชื่อภายหลัง ด.ช.อาทิตย์ ปาทาน อายุ 3 ขวบ  5 เดือน  ชาวเมียร์ม่าร์ อยู่ในสภาพศพร่างไร้วิญญาณ สวมเสื้อยืดคอกลมสีเขียว-ส้มลายการ์ตูน นุ่งกางเกงขาสั้นลายสก็อตสีแดง ที่เต็มไปด้วยคราบน้ำคลำ จนทำให้พ่อและแม่ของเด็กทรุดลงไปกองกับพื้นเนื่องจากไม่คาดคิดว่าลูกชายจะเสียชีวิต ทางเจ้าหน้าที่จึงรีบกันผู้เป็นแม่ออกจากศพก่อนนำร่างเด็กส่งนิติเวช รพ.จุฬา

สอบสวน นาย โก้ ปาทาน อายุ 33 ปี ชาวเมียร์ม่าร์ ให้การทั้งน้ำตาว่า ตนพักอาศัยอยู่กับภรรยาและลูกชายเพียงคนเดียวภายในซอยดังกล่าวมากว่า 5 ปี ซึ่งทุกวันลูกชายจะวิ่งตามมาส่งตนไปทำงานเป็นรปภ.ที่ย่านประเวศ โดยก่อนเกิดเหตุตนเดินทางมาสมัครงานกับทางบริษัท เอสซีจี โปรเทคชั่น จำกัด ที่มีโครงการสร้างบ้านทาวโฮม โครงการ ลีออน สุขุมวิท 62 บริเวณหน้าปากซอย ลูกชายได้วิ่งตามมาด้วย จึงไล่ให้กลับไปบ้าน หลังจากนั้นตนก็เดินทางไปทำงานตามปกติ ก่อนมา ทราบข่าวภายหลังจากภรรยาว่าลูกชายหายตัวไป จึงออกตามหาก็พบรองเท้าของลูกชายลอยอยู่บนผิวน้ำ

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าผู้ตายได้วิ่งเล่นบริเวณริมคลองดังกล่าว ก่อนไปเหยียบแผ่นกระดาน จนพลาดตกลงไปในคลอง ประกอบกับผู้ตายเป็นเด็กไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองจึงเสียชีวิตในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จะทำการสอบสวนพยานแวดล้อม และจะประสานญาติผู้เสียชีวิตมารับศพไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

 

Credit:  เดลินิวส์

แบ่งปันข่าวสาร Like & Share ให้ด้วยนะค่ะ