สาวทิ้งจดหมายลาตาย ก่อนผูกคอดับ

สาวปริญญาโท

สาวปริญญาโท

บางครั้งการฆ่าตัวตายก็ใช้อารมณ์เพียงชั่ววูบ  แต่ตอนจะเปลี่ยนใจไม่อยากตายก็คงสายไปเสียแล้ว  หลายคนอยากตายแล้วไม่ตายก็กลายเป็นเจ้าหญิง  เจ้าชายนิทรา  ปัญหาที่เข้ามามีทางออก  แต่เพียงต้องลองมองดี ๆ ใช้สติค่อยๆ คิด 

เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (2 ส.ค.) พ.ต.ท.ธนภัทร สุขมี พงส.(สบ 2) สน.สุทธิสาร รับแจ้งเหตุมีผู้หญิงผูกคอเสียชีวิต เหตุเกิดในแมนชั่นแห่งหนึ่ง ซอยอินทามระ22 แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม.จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.ธงชนะ หาญกิตติกาญจนา รอง ผกก.(สส.) แพทย์นิติเวช รพ.รามา เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และมูลนิธิป่อเต๊กตึ๊ง ไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นแมนชั่นแบ่งให้เช่าสูง 13 ชั้น จากการตรวจสอบภายในห้องเลขที่ 806 ชั้น 8 พบว่าโคมไฟหัวเตียงถูกเปิดทิ้งไว้ ส่วนบริเวณใกล้หน้าต่าง เจ้าหน้าที่พบศพ น.ส.เกศรา พนมศักดิ์ อายุ 28 ปี ใช้เสื้อเชิ๊ตแขนยาวลายสก๊อตสีชาวเท าผูกคอตัวเองกับท่อแอร์ภายในห้อง สภาพศพท่อนบนเปลือยเปล่า สวมกางเกงขาวยาวสีขาว ลำตัวอืดพอง มีคราบเลือดไหลแห้งติดอยู่ตามพื้นใต้ร่างผู้ตาย ตามร่างกายไม่พบบาดแผล คาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2-3 วัน

จากการตรวจสอบภายในห้องพบเสื้อสีขาววางอยู่บนเตียง ใกล้กันพบยากล่อมประสาทยี่ห้อหนึ่งที่ยังไม่ได้รับประทานจำนวน  10 แผง และที่ทานไปแล้ว  1 แผง นอกจากนี้ยังพบจดหมายลาตายเขียนด้วยลายมือวางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือว่า “รักและเป็นห่วงแม่เสมอนะคะ ขอโทษที่ทำตัวเกเร ทำให้แม่หนักใจ ไม่อยากกลับไปเป็นภาระของที่บ้านอีก ฝากปัดดูแลแม่ด้วยนะ ขอบคุณปัดนะที่คอยดูแล คอยช่วยเหลือเป็นพี่ที่ดีมาโดยตลอด ขอให้มูจิเป็นคนดี โตขึ้นมาเป็นลูกที่ดีเป็นลูกที่น่ารัก ของคุณพ่อคุณแม่นะ”  นอกจากนี้ยังพบเอกสารใบจบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ ม.หอการค้า และพบหนังสือแนะนำตัวเขียนด้วยลายมือเป็นภาษาอังกฤษเพื่อใช้สมัครงานวางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ โดยรายละเอียดเป็นการแนะนำความสามารถและการศึกษาซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาโท คณะเศรษฐศาสตร์ ม.หอการค้า ส่วนภายในห้องไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือรื้อค้นแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงหลักฐานทั้งหมดไว้ตรวจสอบ

ด้าน พ.ต.ท.ธงชนะ กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่สามารถระบุได้ว่าผู้ตายมีปัญหาอะไรถึงตัดสินใจผูกคอตัวเอง เนื่องจากในจดหมายลาตายไม่ได้ระบุไว้ ส่วนจะเกี่ยวข้องกับยากล่อมประสาทที่พบหรือไม่ต้องรอตรวจอีกครั้ง หลังจากนี้จะได้ให้ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดในอาคาร ซึ่งก็ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้งทั้งเรื่องส่วนตัว หรือการฆาตกรรม และจะเชิญผู้ที่รู้จักคุ้นเคย ญาติพี่น้อง รวมทั้งผู้พักอาศัยและเจ้าหน้าที่ในอาคารมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนดำเนินการต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการโอนเงินจ่ายค่าเช่าห้องเข้ามายังอพาร์ทเม้นดังกล่าว แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้โอน ซึ่งปกติผู้ตายพักอาศัยที่ห้องเพียงคนเดียว แต่มักจะมีเพื่อนแวะเวียนมาหาบ่อยครั้ง กระทั่งมาเกิดเหตุดังกล่าว.

 

Credit:  เดลินิวส์

แบ่งปันข่าวสาร Like & Share ให้ด้วยนะค่ะ