มท.3 ขู่ ปลด ผู้ว่าฯ กทม. หากไม่เลิกสนับสนุนม็อบค้านนิรโทษกรรม

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

มท.3 ขู่ ปลด ผู้ว่าฯ หากไม่เลิกสนับสนุนม็อบค้านนิรโทษกรรม ขีดเส้นตายภายในอาทิตย์หน้า อ้างเติมน้ำมันเครื่องปั่นไฟให้กับผู้ชุมนุมเกินเวลา

วันที่  8 พฤศจิกายน 2556 นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเรียกร้องให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. หยุดการสนับสนุนการชุมนุมของพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากมีหลักฐานว่า ผู้ว่าฯ กทม. ให้การสนับสนุนผู้ชุมนมอย่างชัดเจน อาทิ สนับสนุนเติมน้ำมันเครื่องปั่นไฟให้กลุ่มผู้ชุมุนมเกินเวลา โดยเปิดถึงเวลา 7 โมงเช้า ถึงว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ นอกจากนี้ ยังสั่งให้ข้าราชการ กทม. สนับสนุนม็อบอย่างเต็มที่ด้วย

นอกจากนี้ นายวิสาร ยังกล่าวด้วยว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายผิด กม. มาตรา 157 ซึ่งตนกำกับดูแลอยู่ ดังนั้น จึงขอเตือน ผู้ว่าฯ กทม. เป็นครั้งสุดท้าย และจะขีดเส้นตายภายในอาทิตย์หน้า หากไม่เช่นนั้น จะเสนอให้ปลดผู้ว่าฯ กทม. ออก เนื่องจากใช้อำนาจโดยไม่ชอบ สนับสนุนการชุมนุมและสร้างความวุ่นวายให้กับโรงเรียน, นักเรียน, นักท่องเที่ยว และประชาชนโดยรอบ ทั้ง ๆ ที่รัฐบาลถอยหมดแล้ว จึงควรยุติการชุมนุม หรือผู้ว่าฯ จะต้องการให้ยุบสภา หรือจะเลือกตั้งใหม่ หรือรัฐประหาร กันแน่ ทั้งนี้ ขอฝากไว้ในฐานะที่ ผู้ว่าฯ กทม. เป็นผู้บริหารที่มาจากการเลือกตั้ง ขอให้มีสติออกมารับผิดชอบและทบทวนตัวเอง

ขณะที่ นายวสันต์ มีวงษ์ โฆษกประจำตัวของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงกรณีที่ นายวิสารกล่าวเตือนเรื่องปั่นไฟว่า กทม. มีหน้าที่ในการลดผลกระทบจากการชุมนุม ทั้งเรื่องอำนวยความสะดวกและในเรื่องความปลอดภัย ทาง กทม. จึงต้องเพิ่มรถไฟฟ้าส่องสว่าง ซึ่งเป็นการดูแลประชาชนที่ออกมาชุมนุมตามสิทธิ และไม่เคยเติมน้ำมันให้กับรถของกลุ่มผู้ชุมนุม ในส่วนนี้ต้องแยกระหว่างรถไฟฟ้าส่องสว่างของ กทม. กับรถปั่นไฟและรถไฟฟ้าส่องสว่างของกลุ่มผู้ชุมนุมเองด้วย

นายวสันต์ กล่าวต่อว่า หากท่าน มท.3 เห็นว่า ผู้ว่าฯ กทม. มีความผิดกฎหมายด้านไหน ก็ให้ส่งหลักฐานหรือแจ้งมาอย่างเป็นทางการ และขอความกรุณาอย่ากล่าวหาหรือพูดให้ ผู้ว่าฯ กทม. เสียหาย ที่ผ่านมาไม่ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมใด ๆ ทาง กทม. ก็ปฏิบัติในรูปแบบที่เหมือนกัน และตนเชื่อว่า ผู้ว่าฯ กทม. มีวุฒิภาวะมากพอที่จะทราบว่าการกระทำอย่างไรควรและไม่ควร เพราะท่านดำรงตำแหน่งมาแล้วถึง 2 สมัย

Credit by Kapook